ซาอุช็อคโลกพลิกดับอาร์เจนตินา 2-1

ซาอุฯ แปลงเป็นทีมแรกของเอเชียที่คว้าชัยในฟุตบอลโลก 2022 เมื่อพลิกล็อคแซงชนะตัวเก็งอย่าง ประเทศอาร์เจนตินา

ฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของกลุ่มซี ระหว่าง ประเทศอาร์เจนตินา ลงเล่นที่สนามลูเซล สเตเดียม ในเมืองลูเซล ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ ซาอุดีอาระเบีย

ลิโอเนล สคาโลนี ที่ปรึกษาของประเทศอาร์เจนตินา เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ใช้สามแนวรุกเป็น ลิโอเนล เมสซี, เลาตาโร มาร์ติเนซ และ อังเคล ดิ มาเรีย

ด้านซาอุดีอาระเบียของ แอร์ฟ เรนาร์ ที่ปรึกษาชาวประเทศฝรั่งเศส วางหมากมาในแผน 4-4-1-1 ใช้หน้าต่ำเป็น ซัลมาน อัล-ฟารัจญ์ ทำเกมรุกร่วมกับหน้าเป้าอย่าง ฟิราส อัล-บูไรกาน

ซาอุฯ อาร์เจนติน่า บอลโลก ฟุตบอลโลก

เริ่มเกมได้ 10 นาที เป็นฝั่งของประเทศอาร์เจนตินา

มาได้จุดลูกโทษ จากจังหวะที่ เลอันโดร ปาเรเดส ไปโดน ซาอุด อับดุลฮามิด เหนี่ยวรั้งตัวจนถึงล้มลงไป ก่อนจะเป็น ลิโอเนล เมสซี รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ส่งให้ฟ้าขาวออกนำ 1-0

เกมนี้ ลิโอเนล สกาโลนี ที่ปรึกษาประเทศอาร์เจนตินา ที่ลุ้นทาบสถิติไม่แพ้ใคร 37 นัดต่อเนื่องกันของ ทีมชาติอิตาลี จัดทัพใหญ่ลงครบถ้วน นำโดย ลิโอเนล เมสซี กัปตันทีม ประสานงานในแนวรุกร่วมกับ อังเคล ดิ มาเรีย และ เลาตาโร มาร์ติเนซ ส่วนดินแดนกึ่งกลางเป็น โรดริโก เดอ ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส กับ ปาปู โกเมซ

ด้าน แอร์กเว เรอนาร์ ผู้จัดการทีมซาอุฯ ก็จัดทีมที่ดีเยี่ยมที่สุดลงมารับมือ นำโดย ซัลมาน อัล ฟาราจ กัปตันทีม, ซาเลม อัล ดอว์ซารี แนวรุกรุ่นเก๋า และ ฟิราส อัล บูไรคาน แนวรุกชุดแชมป์ยู-23 เอเชียนคัพ 2022 เมื่อมิ.ย.ก่อนหน้าที่ผ่านมา

หลังแล้วประเทศอาร์เจนตินาจ่ายบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้ถึงสามครั้ง โดยเป็นจาก เมสซี 1 ครั้ง และจาก เลาตาโร มาร์ติเนซ 2 ครั้ง แม้กระนั้นก็โดนจับล้ำหน้าทั้งหมดทั้งปวง ทำให้จบครึ่งแรกยังเป็นฟ้าขาวที่นำอยู่ 1-0

ครึ่งหลังแปลงเป็นซาอุดีอาระเบียมาได้ประตูตีเสมอ ในนาทีที่ 48 จากจังหวะที่ ฟิราส อัล-บูไรกาน ไหลบอลให้ ซาเลห์ อัล-เชห์รี สัมผัสบอลหลบ คริสเตียน โรเมโร แล้วยิงด้วยซ้ายอย่างเด็ดขาด ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

ต่อมานาทีที่ 53 ซาอุดีอาระเบียทำช็อคโลก เมื่อเป็นข้างพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ ซาลีม อัล-เดาซารี ได้บอลทางกราบซ้ายแล้วลากหนีแนวรับประเทศอาร์เจนตินาตัดเข้ากึ่งกลางก่อนยิงด้วยขวาเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม ช่วยทำให้ทีมจากเอเชียแซงนำ 2-1

แล้วไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติม ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นซาอุดีอาระเบียชนะไปแบบพลิกล็อค 2-1 แปลงเป็นทีมจากเอเชียทีมแรกที่คว้าชัยในฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ

ซาอุฯ อาร์เจนติน่า บอลโลก ฟุตบอลโลก

ซาอุฯ เอาชนะ อาร์เจนดิน่า ได้ ด้าน เมสซี่ เผย ‘เมสซี่’ รับฟ้าขาวไร้ข้อแก้ตัว-เร้าเป็นหนึ่งเดียวกันกลับมาคว้าชัย

ลิโอเนล เมสซี่ เห็นด้วย อาร์เจนติน่า ไม่มีข้อแก้ตัวหลังพบกับความแพ้พ่ายต่อ ซาอุดิ อาระเบีย แบบช็อคๆถึงอย่างนั้นก็บอกให้ทีมเป็นหนึ่งเดียวกันและกลับมาคว้าชัยให้ได้

แชมป์โคปา อเมริกาเป็นเยี่ยมในตัวเก็งที่จะคว้าชัยชนะโลกปีนี้ แถมผลงานยังดีไม่แพ้ใครมา 36 เกมต่อเนื่องกัน จนถึงมาพบกับ ซาอุฯ ทีมอันดับ 51 ของโลก

เมสซี่ เป็นคนยิงจุดลูกโทษพา “ฟ้าขาว” ออกนำได้ในครึ่งแรกและพวกเขายังจ่ายบอลเข้าประตูไปอีกถึง 3 หนถูกจับล้ำหน้าหมด

ในที่สุดพวกเขามาโดน ซาเลห์ อัลเชห์รี กับ ซาเล็ม อัลดาวซารี ทำประตูแซงพา ซาอุฯ คว้าชัยไปแบบไม่น่าเชื่อและ เมสซี่ เห็นด้วยต่อจากนี้พวกเขาควรเป็นหนึ่งเดียวกันและคัมแบ็คกลับมาให้ได้

“ไม่มีข้อแก้ตัวหรอก เราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันให้มากยิ่งกว่าที่เคย” เมสซี่ กล่าวหลังจบเกม

“ทีมนี้แข็งแกร่งและที่ผ่านมาเราก็แสดงให้เห็นแล้ว เราไม่ได้คาดหวังไว้ว่าจะออกสตาร์ทในแบบนี้ แต่หลายๆสิ่งเกิดขึ้นเพราะมีเหตุผล ตอนนี้เราต้องคว้าชัยชนะให้ได้, ขึ้นอยู่กับตัวเราแล้ว ผมขอให้แฟนบอลเชื่อในตัวเรานะ ทีมนี้จะไม่ทำให้ผิดหวัง”

เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ที่ยิงเข้าไปสองหนแต่โดนจับล้ำหน้าหมดนั้นก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องเจ็บปวดที่ออกสตาร์ทบอลโลกในแบบนี้

“แบบนี้เจ็บปวดมากนะ เราหวังไว้มากว่าจะเริ่มต้นบอลโลกด้วยชัยชนะ เราแพ้ด้วยความผิดพลาดของเราเอง, มากกว่าสิ่งอื่นใดในครึ่งหลัง”

“รายละเอียดเล็กๆทำให้เกิดความแตกต่างและเราต้องแก้ไขข้อผิดพลาด ในครึ่งแรกเราควรยิงได้มากกว่าประตูเดียว แต่นี่คือฟุตบอลโลกและเราเหลือสองนัดชิงให้ลงสนาม”

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

อาร์เจนตินา (4-3-3) : เอมิเลียโน มาร์ติเนซ; นาอูเอล โมลินา, คริสเตียน โรเมโร (ลิซานโดร มาร์ติเนซ น.59), นิโคลัส โอตาเมนดี้, นิโคลัส ตายาฟิโก้ (มาร์กอส อคุนญา น.71); โรดริโก้ เด ปอล, เลอันโดร ปาเรเดส (เอ็นโซ เฟร์นานเดซ น.59), ปาปู โกเมซ (ฮูเลียน อัลวาเรซ น.59); ลิโอเนล เมสซี, เลาตาโร มาร์ติเนซ, อังเคล ดิ มาเรีย

สำรองไม่ได้ใช้ : ฟรังโก้ อาร์มานี, ฮวน ฟอยธ์, กอนซาโล มอนเทียล, เคร์มัน เปซเซลลา, เคโรนิโม รูญี, เอเซเกล ปาลาซิออส, อังเคล คอร์เรอา, ติอาโก้ อัลมาด้า, กีโด้ โรดริเกวซ, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, เปาโล ดีบาลา

ซาอุดีอาระเบีย (4-4-1-1) : มุฮัมเม็ด อัล-อุวาอิส; ซาอุด อับดุลฮามิด, ฮัสซัน ตัมบัคตี, อาลี อัล บุลัยฮี, ยาซิร อัล-ชะห์รอนี (มุฮัมมัด อัล-บุรอยก์ น.90+9); ซาเลห์ อัล-เชห์รี (สุลต่าน อัล-กานนัม น.78), มุฮัมมัด คานนู, อับดูเลลลาห์ อัล-มัลคี, ซาลีม อัล-เดาซารี; ซัลมาน อัล-ฟารัจญ์ (นาวาฟ อัล-อาเบด น.45+4 (อับดูเลลาห์ อัล-อัมรี น.88)): ฟิราส อัล-บูไรกาน (ไฮตาม อาซิรี น.89)

สำรองไม่ได้ใช้ : มุฮัมเม็ด อัล รูไบอี, อับดุลลาห์ มาดู, อับดุลลอฮ์ อุตัยฟ์, อาลี อัล-ฮัสซัน, ซามี อัล-นาเจอี, ฮัตตาน บาฮิบริ, อับดุลราห์มาน อัล-อาบุด, นาวาฟ อัล-อาไกดี, นาสเซอร์ อัล-เดาซารี

ใบเหลือง – อับดูเลลลาห์ อัล-มัลคี น.67, อาลี อัล บุลัยฮี น.75, ซาลีม อัล-เดาซารี น.79, ซาอุด อับดุลฮามิด น.82, นาวาฟ อัล-อาเบด น.88, มุฮัมเม็ด อัล-อุวาอิส น.90+2