Category ข่าวบันเทิง

ฮาย เซน เปเปอร์ เพลนส์

ฮาย-เซน เปเปอร์ เพลนส์ ได้ปล่อยคำขวัญวันเด็ก พร้อมความหมายลึกซึ้ง

ฮาย เซน เปเปอร์ เพลนส์ ปล่อยคำขวัญวันเด็ก พร้อมความหมายลึกซึ้ง เปิดใจเพลงได้รับความนิยม “ทรงอย่างแบด” ขวัญใจชาวร็อกฟันน้ำนม

ฮาย-เซน เปเปอร์ เพลนส์ / เพลงฮิต ติดใจ ขาร็อก ฟันน้ำนม สำหรับวง Paper Planes ที่มีสมาชิก ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ (ร้องนำ) และก็ เซน-นครินทร์ ขุนภักดี (เบส) หลังได้ปล่อยเพลง “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” จนบัดนี้ขึ้นแท่น เป็นขวัญใจ เด็กอนุบาล มีคลิปเด็ก ๆ ร้องตาม เต็มโซเชียล อยู่ในขณะนี้

ใกล้วันเด็กเข้าไปทุกที ฮาย-ธันวา และ เซน-นครินทร์ ไม่ปล่อยผ่าน ฐานแฟนคลับ แต่งคำขวัญวันเด็ก เอาอกเอาใจวัยรุ่นฟันน้ำนม แถมความหมายดีเสียด้วย โดยวันที่ 5 ม.ค. 2566 ทั้งสองได้เปิดใจ ถึงความนิยมชมชอบ ในหมู่เด็ก ๆ รวมทั้ง ได้เปิดคำขวัญวันเด็ก ว่า “สร้างสรรค์ความคิด ผูกมิตรซื่อตรง ก้าวอย่างมั่นคง ฟังทรงอย่างแบด”

เซน ฮาย เปเปอร์ เพลนส์

โดย ฮาย ได้บอกความหมายไว้ว่า

“คิดแบบค่อนข้างเร็ว แต่ว่าใช้เวลาคิดแบบเขาขอมานานแล้ว เราก็คิดไม่ออก เพราะเราว่า พอมันเป็นการคิดคำขวัญ มันเหมือนกับว่า พอมันถึงเด็ก ๆ แน่นอน เด็กๆ รับมันเข้าไปผมเลยรู้สึกว่า ต้องละเมียดละไม กับมันหน่อย

ผมรู้สึกว่า สร้างสรรค์ความคิด เพราะว่าตอนเด็ก ๆ ผมเป็นคนที่รู้สึกว่า คนที่มี ความคิดสร้างสรรค์อะ มันจะสามารถเอาตัวรอดในสังคมได้ เขาเรียกว่าดิ้นรน และ สามารถพลิกแพลงได้เสมอ และ ทำให้เรามีอารมณ์ที่ดีเสมอ และยิ่งเราทำงานในงานอาร์ตด้วย ผมคิดว่า การมีความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งจำเป็น

ผูกมิตรซื่อตรง ก็คือพยายามคบมิตรที่มีความซื่อตรง หรือ ว่าเราเองก็ต้อง ซื่อตรงกับเขา เพราะว่าการที่เราจะใช้ชีวิตบนโลกนี้ได้ ไม่ได้มีแค่การอยู่คนเดียว เราอาจจะต้องมีเพื่อนพ้อง คอนเน็กชั่น ในการสนับสนุน อะไรอย่างนี้ครับ เราก็เลยคิดว่า การคบมิตรไว้ อาจจะไม่ต้องเยอะ แต่แค่ขอมีมิตร ที่เป็นมิตร และ ก็ซื่อตรงมันก็จะดีกับเรา

ก้าวอย่างมั่นคงคือ ผมรู้สึกว่า การก้าวอย่างรวดเร็วจริง ๆ มันดี มันตื่นเต้น มันสนุกสนาน แต่ว่าสุดท้ายแล้ว วันหนึ่งเราต้องการก้าวไปอย่างมั่นคง ก็คือ ค่อย ๆ ก้าวไป หรืออาจจะวางแผนเตรียมทุกอย่าง ให้มันดี ในอนาคตอะครับ เพื่อที่จะให้รู้สึกว่า เราไม่ต้องไปเร็ว เท่ากับคนอื่นก็ได้ ไม่ต้องอยู่ในมาตฐาน ของคนอื่น แต่ว่าเราต้องก้าว อย่างมั่นคงในแบบของเรา

และฟังทรงอย่างแบด คือ ผมเนี่ยพยายามด้นกลับมา ที่เพลงของตัวเอง เพราะผมจะฝากเพลงของตัวเอง แต่ผมก็รู้สึกว่า พอมันป็นความไม่จริงจังอะ นั่นหมายความว่า ชีวิตเรามันต้องอยู่ในความสนุก ไม่ว่าทั้งหมดทั้งมวล มันจะเป็นความซีเรียสขนาดไหน กลับมาแล้ว มันจะต้องอยู่ในความสนุก เราจะต้องสนุกกับชีวิต เพราะว่าเรามีชีวิตแค่ครั้งเดียว เราไม่รู้ว่าต่อไปจะได้มีชีวิต ในชาติหน้าอีกไหม ก็คือใช้ชีวิตให้มีความสุข มากที่สุดครับ”

ฮาย เซน เปเปอร์ เพลนส์  พร้อมฝากถึงน้อง ๆ ว่า

“ก็อยากให้น้อง ใช้ชีวิตช่วงนี้ อย่างมีความสุข มีความรับผิดชอบ ในหน้าที่ ตอนนี้ให้ดีที่สุด เช่นแปรงฟัน กินอาหารให้ดี นอนพักผ่อนให้เพียงพอ หาสิ่งที่ตัวเองชอบทำ ทำสิ่งที่มีความสุข และยังไม่ต้องรีบค้นหาตัวเอง สำหรับคนที่เจอตัวเอง แล้วก็สนุกกับมัน ส่วนคนที่ยังไม่เจอ ก็ไม่ต้องกดดันตัวเอง อยู่ในวัยที่ยังไม่ต้องรับผิดชอบมาก เก็บเกี่ยวช่วงนี้ ใช้ชีวิตในช่วงนี้ไปมาก ๆ จะดี ในวันที่เราโตขึ้น อาจจะไม่ได้อยู่ในช่วงนี้ อีกแล้วอย่างพวกเรา ที่โตขึ้นแล้ว อยากกลับไปเป็นเด็ก อีกครั้งหนึ่ง”

ที่บอกว่าพวกเราก็จะต้องแปรงฟันด้วย มันมีที่มาอย่างไร? ฮาย “จริงๆ มันไม่มีอะไรเลยครับ เหมือนพอเราจะพูดกับเด็ก ผมแค่รู้สึกว่าเด็ก ๆ พอนอนดึก น่าจะไม่ค่อยแปรงฟันกันแน่เลย น่าจะหลอกพ่อแม่ ผมก็เลยคิดว่า คุยกับเขาว่า ถ้าจบคอนเสิร์ต อย่าลืมไปแปรงฟันกันนะ ก็พูดปกติเหมือนที่เราคุยกับเด็ก ๆ แต่มีแฟนเพลง เขาถ่ายแล้วไปลงติ๊กต็อก ก็เลยเหมือนเป็นวลีฮิตไป”

จริง ๆ พวกเราสองคน รักเด็กไหม? ฮาย “จริงๆ ผมรักเด็ก มากเลยนะ เซนกับผมนี่ค่อนข้างเลย เวลาเด็ก ๆ มาผมก็ชอบกอด ชอบลูบหัว”
เซน “เวลาเด็กเดินมาหาผม แล้วเข้ามากอด คือเขามากันสองคน อีกคนที่ไม่ได้กอด ก็ชี้แล้วบอกว่า นี่พ่อเธอใช่มั้ย (หัวเราะ)”

แอน สิเรียม

แอน สิเรียม เปิดใจเคยทิ้งวงการ พาลูกไปอังกฤษ เคลียร์เรื่องเยอะ จนกระทั่ง ผู้จัดการลาออก

แอน สิเรียม เปิดใจเพราะเหตุใด คราวหนึ่งถึงทิ้งวงการ พาลูกสาว ไปอยู่อังกฤษ นาน 8 ปี เคลียร์ข่าวว่าเรื่องเยอะ กระทั่ง ผู้จัดการทนไม่ได้ ขอลาออก

เป็นอดีตนางเอกเบอร์หนึ่ง ของช่องอย่างยิ่งจริงๆ สำหรับ แอน สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ที่ช่วงนี้ อายุเข้าเลข 5 แล้ว แต่ เธอยังดูดีตลอด ทั้งหน้าตา และก็รูปร่าง ยังคงเป๊ะเวอร์ งานนี้ แอน มาย้อนเล่าความหลัง ตั้งแต่เข้าวงการ รวมทั้งจริงไหม ที่เขาว่ากันว่า เขาเรื่องเยอะ จนกระทั่งผู้จัดการขอลาออก ผ่านทางรายการ ฮัลโหลซุปตาร์ ทางช่อง7 HD กดหมายเลข 35 ที่มี นีโน่ เมทนี, นุ้ย ธนวัฒน์ แล แอร์ ภัณฑิลา เป็นพิธีกร ดำเนินรายการ ผลิตโดย บริษัท นีโน่ บราเดอร์ส ของผู้จัด นีโน่ เมทนี และก็หนิง ปณิตา

ในเวลานั้นเคยคิดไหม ว่าคาแร็กเตอร์แบบฉัน คนจะสนใจ?  “เป็นยังไงยังไม่รู้คาแร็กเตอร์ตัวเองเลย”

ครอบครัว แอน สิเรียม

แอน สิเรียม จะออกแนวโก๊ะๆน่ารักๆ?  “มันเป็นบุคลิกของเราอยู่แล้ว ถ้าเกิดแกล้งทำมันไม่เนียนนะ มันต้องมีหลุดบ้าง”

แอนเข้าวงการเร็วด้วย? แอน : “ตอนนั้นอายุ 14”

เขาปังขนาดไหน? นีโน่ : “นางเอกนี่นับคนได้ แต่ถ้าเป็นนางเอกช่อง7 สมัยนั้นแอนมาเร็วที่สุดที่กลายเป็นเบอร์หนึ่ง ปกติเขาจะครองกันยาวจนถึงอายุเยอะ แต่พอแอนมาวิ่งเป็นเบอร์1 เร็วมาก”

แอน : “แอนต่อพี่ตุ๋ย มนฤดี พี่แก้ว อภิรดี”

นีโน่ : “แอนมา 18 เขาเป็นเบอร์1 แล้ว”

สมัยก่อนหากกล่าวถึงทรงผม มีคนไปดัดผมตามแอน? แอน : “สมัยก่อนผมหยักศก ผมหยิกเอง สมัยก่อนไม่ชอบเลยรู้สึกสางผมยาก ก็พยายามไดร์ให้ตรง ตอนนี้ก็ตรงขึ้นเยอะ ไม่หยิกอย่างนั้นแล้ว”

แต่ก่อนเคยโดนบูลลี่ด้วย เนื่องจากความเป็นลูกครึ่ง ของเธอ? แอน : “ใช่ค่ะ สมัยก่อนลูกครึ่งจะน้อย แล้วแอนจะเป็นคนหน้าตกกระ แล้วผอม ตัวเล็กเหมือนไม้เสียบผี ก็เลยจะต้องโดนล้อ เขาบูลลี่ว่าไม่เห็นสวยเลย ฝรั่งขี้นก”

พอเราเข้าวงการ คำบูลลี่ต่างๆ เหล่านั้น มันเป็นยังไงบ้าง? แอน : “ก็ค่อยๆ หายไป เหมือนกับเราต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าเราเป็นคนทำงานมีความสามารถ แอนว่ามันมีทุกยุคทุกสมัยแตกต่างกันไป แต่พอเราโตขึ้นมันก็ทำให้เราสามารถแบกรับหลายๆ เรื่องได้มากขึ้น จริงๆ โดนหมด แต่งตัวไม่สวย หรืออะไรโดนหมด แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนยอมรับ”

นึกออกไหม ละครเรื่องไหน พลิกชีวิตแอน? แอน : “ได้แสดงแต่ละเรื่องของช่อง7 แบบดีหมดเกือบทุกเรื่อง ยุคแอนกับดาราวิดีโอจะโตมาด้วยกัน ทวิภพ ก็เป็นเรื่องที่แอนชอบด้วย แล้วก็ภูมิใจด้วย ตั้งใจทุกฉาก เก็บไปนอนฝัน ท่องภาษาฝรั่งเศส คนจะเรียกแม่มณีเยอะ หรือว่าเรื่องกับพี่เบิร์ด วันนี้ที่รอคอย”

ในช่วงเวลานี้ 50 แล้วไลฟ์สไตล์ชีวิต เปลี่ยนแปลงไหม? แอน : “เปลี่ยนนะ ความรู้สึกเปลี่ยน แต่ก็ยังสนุกอยู่ ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะไม่ชอบการแสดงไปแล้ว แต่กลับชอบเพราะรู้สึกว่าในวัยนี้มันได้เล่นอะไรที่ท้าทายความสามารถได้เยอะกว่าแต่ก่อน แต่ก่อนจะได้เล่นแบบแบ๊วๆ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ายิ่งเล่น ยิ่งสนุก เพราะมันเหมือนเรามีประสบการณ์ชีวิต แล้วพอเรานำมาถ่ายทอดในการแสดงมันมันส์ สนุกดี”

อีกหนึ่งอย่างไลฟ์สไตล์ชอบท่องเที่ยว? แอน : “ใช่ เพราะสมัยก่อนแอนไม่ค่อยได้เที่ยวไง ละครถ่ายไปออนไปด้วย”

ระยะหลังในอินสตาแกรม ออกกำลังกายเยอะด้วย? แอน : “ก็ต้องมีบ้าง ด้วยวัยเราการออกกำลังกายช่วยให้เรารีเฟรช มันทำให้สดชื่นขึ้น”

ออกกำลังกายแบบงี้ หุ่นถึงเซี๊ยะ ในไอจีมีชุดว่ายน้ำ สามีว่ายังยังไง? แอน : “สามีไม่ว่า เขาว่าจนเลิกว่าไปแล้ว เขาก็บ่นๆ แต่ถ้าเราแก่ไปกว่านี้เราก็ไม่ได้แล้วนะ ตอนนี้ช่วงเวลาชีวิตที่อยากทำอะไรก็ทำ”

กระทั่งกลายเป็นดาว tiktok? แอน : “ทุกคนเล่น เราก็อยู่กับยุคสมัย อะไรเปลี่ยนไปเราก็ร่วมสมัยกับเขาด้วย แค่นั้นเองไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาอยู่กองถ่ายมันก็ว่าง ถ่ายละครกับพี่ป๋อนี่แหละ เขามาชวนเล่นจริงๆ จังๆ”

แอนเป็นคนออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตัวเองตลอด เลือกรับประทานอาหาร คนอาจจะเห็นว่าเรื่องมากไหม จริงๆไม่ใช่ ไปตรวจพบว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นภูมิแพ้แอบแฝง? แอน : “ใช่ๆ เราออกกำลังกายเยอะมาก ทำไมท้องอืด ไม่เข้าห้องน้ำแล้วมันพองแบบไม่ได้กินอะไรเยอะเลือกทานแต่โปรตีน ทานไข่ ก็เลยไปเช็ก แล้วเริ่มมีลม เหมือนเป็นโรคคนแก่ ตอนนี้ฉันแก่ขนาดนี้แล้วเหรอก็เลยเอาเลือดไปตรวจ ออกมาลิสต์แพ้อะไรบ้าง แอนถามต้องทำยังไง เขาบอกว่าลองหยุดอาหารที่แพ้ก่อน แล้วมันเยอะมาก 10 กว่าอย่างเป็นของที่แอนชอบหมดเลย หลักๆ อะโวคาโด้ ไข่แดง ไข่ขาว พวกผลิตภัณฑ์ที่มาจากแป้งทุกอย่างเลย กินก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ สปาเก็ตตี้ไม่ได้ แต่ทานข้าวได้ เพราะลดข้าวตลอด”

อาการเวลาทานของเหล่านี้เข้าไป จะเป็นอย่างไร? แอน : “ไม่ย่อย ท้องอืด อึดอัด หมอบอกว่ากระเพาะเป็นรูเล็กๆ เป็นแผล แล้วพอลองหยุดดู นี่เดือนที่ 6 แล้ว เริ่มดีขึ้นกลับมาค่อยๆ ทาน หมอบอกให้ค่อยๆ กลับมาทานทีละนิดๆ บทเรียนของแอนคือทานอาหารที่หลากหลาย อย่าทานซ้ำมาก แล้วอยู่ให้มีความสุข”

มีอยู่ช่วงหนึ่ง แอนกับบุตรสาวย้ายไปอยู่อังกฤษเลย? แอน: “ค่ะ”

สาเหตุของการย้ายไปเพราะเหตุใด? แอน: “อยากย้ายก็ย้ายไปเลย พาลูกไปเรียนที่นู้นแล้วจะได้ดูด้วย”

ณ ตอนนั้น งานที่เมืองไทยล่ะ? แอน: “ไม่ได้ทำเลย เพราะมันทำมาตั้งแต่อายุ 14 แล้ว คิดว่าเราก็มีพี่สาวอยู่ที่นู้น มีญาติพี่น้อง ไม่ได้ไปแบบไม่มีใครเลย มันก็มีเพื่อนมีสังคมอยู่ที่นู้น แต่ก็ไปทำธุรกิจความงามตอนนั้น ก็ลองเปลี่ยนโซนดูว่าเราทำสายนี้มาเยอะแล้ว เรามาทำงานอยากเป็นนักธุรกิจหญิงบ้าง แต่มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ กลับมาเป็นดาราเหมือนเดิมนี้ดีแล้ว”

8 ปีที่ตัดสินใจ ว่ากลับไทย มารับงานดีกว่า? แอน : “ไม่ถึง 8 ปีหรอก ประมาณ 6-7 ปีได้ แต่พอมาแต่งงานกับสามี ก็ไปๆ มาๆ ทุก 3-4 เดือน แอนก็กลับแล้ว อยู่ไม่ไหว หนาว”

สามีแอนเขามาทำธุรกิจก่อน หรือแอนให้เขามาทำ ที่ประเทศไทย? แอน : “เขาอยู่เมืองไทยมาก่อนแล้ว แล้วเราก็เจอกันที่เมืองไทยนี่แหละ เขาชอบเมืองไทย”

ตอนกลับมาจากอังกฤษ เราก็ทิ้งงานไปเยอะมาก นานมาก? แอน : “เรียกว่าพักดีกว่า กลับมาต้องปรับหมดเลย ทั้งกลับมาแสดงก็ต้องปรับ อยู่อังกฤษเราก็ต้องปรับเหมือนกัน มันมีวัฒนธรรมประเพณีแตกต่างกัน แต่มันก็แล้วแต่คนด้วย อย่างสามีแอนเขาไม่พูดไทย ภาษาอังกฤษแอนก็ไม่ได้ดีมากแอนก็ไปฝึก ไปเรียนที่นู้น เขาก็ส่งไปเรียนฝึกพูด ฝึกเขียน เรียนเข้าสังคมที่นู้น”

เปิดใจ แอน สิเรียม

แอนกลับมาวงการบันเทิง เขาบอกว่าแอนกลับมา แอนเป็นคนเรื่องเยอะ เรื่องเยอะขนาดผู้จัดการต้องยื่นใบลาออก? แอน : “ไม่เคยรู้ข่าวนี้เลย”

ผู้จัดการคนนั้นคือนนนี่? แอน : “ผู้จัดการอยู่บนหิ้งด้วย”

เขาว่ายังไงบ้าง ในช่วงเวลาที่มิได้ดูแลแอนแล้ว? แอน : “มันต้องรู้ขนาดนี้เลยเหรอแม่ ต้องละเอียดขนาดนี้เลยเหรอแม่ แต่จริงๆ เราก็สอนด้วยไง แต่โดยธรรมชาติเขาเป็นคนทำงานเก่งอยู่แล้ว แต่อยู่ที่เขาจะทำหรือไม่ทำ สมัยก่อนตอนเข้าวงการแอนก็เรื่องเยอะ เรื่องแต่งหน้าทำผม แต่พอมาวัยนี้เราก็สอนด้วย ถามหรือถ้าไม่ถามก็บอกมาให้ละเอียดว่าลักษณะงานเป็นยังไง ต้องแต่งตัวยังไง หน้าผมแบบไหน รายการออนแอร์กลางวันหรือกลางคืน ซึ่งเราก็ได้แต่งตัว เตรียมความพร้อมของเราเอง เราไม่ได้แบบว่าลุกขึ้นมาแล้วไปกองทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่เตรียมตัวทำการบ้านเลย แล้วเราอายุมากแล้ว เราจะมาให้นักแสดงเด็กๆ เขามารอเราว่าเราท่องบทไม่ได้ เราจำบทไม่ได้ เราก็ต้องเตรียมตัว”

กลับมาเล่นละคร กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง? แอน : “ก็ดีนะ เพราะเล่นร้ายเหลือเกิน ครบรส สนุกดี ถือว่ามันเป็นช่วงจังหวะที่เข้ามาลงตัวกับชีวิตด้วย แล้วเรารู้สึกมันส์ดี แอนว่าทีมงานกองละครเก่งขึ้นเยอะ สมัยเราไม่มีกว่าจะได้บท สมัยนี้ต้องอ่านบท เวิร์กช็อปก็ได้รู้จักนักแสดงมีความสุขดี แอนรู้สึกว่ามันทันสมัย ทุกคนต้องมาบอกถึงคาแร็กเตอร์ของตัวเองว่าเป็นยังไง เราอ่านบทแล้วเราแชร์กับผู้กำกับได้ ให้ไอเดียได้”

ผลงานหนึ่งของแอน ที่ทำให้ทราบเลยว่า แอนกลับมาทำงาน เต็มตัวแล้ว คือการกลับมาทำงานกับเชียร์? แอน : “ใช่ ก็คิดอยู่นะคะ จะเล่นดีไม่เล่นดี”

ปัจจุบันนี้มีการยอมรับ LGBTQ มากขึ้น? แอน : “จริงๆ กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ถามว่ายากไหม ตอนที่แอนอ่านบทมันก็มีสะดุ้งนะคะ แต่ก็เล่นไปตามธรรมชาติ ที่แบบความรักอาจจะไม่ได้เกิดแค่ผู้หญิง ผู้ชาย บางทีเราก็มีความรักกับเพศเดียวกัน เราก็ต้องมองให้มันเป็นสิ่งสวยงาม”

คุณสามีว่ายังไงบ้าง จะต้อง ดูเราเลิฟซีน? แอน : “คุณสามีเขาก็แบบว้าวอะไรอย่างนี้”

พบกับสามีได้ยังไง เขารู้ไหมว่าเรา เป็นดาราหนัง? แอน : “เขารู้ว่าเป็นนักแสดง แต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นนางเอก เขาเข้าใจว่าเล่นทั่วไปจนกระทั่งวันแต่งงาน ญาติพี่น้องเขาเองก็ไม่รู้นะคะ จนกระทั่งวันแต่งงาน ที่อังกฤษเพื่อนแอนเป็นคนสวิส เขาไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว มีสไลด์ ทุกคนแบบ หูย…ยูมีแฟนเป็นดาราเลยนะ ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็เลยเริ่มรู้”

อะไรที่ตกลงใจว่า คนนี้ใช่แล้ว? แอน : “เขามีความเป็นผู้ใหญ่ แล้วด้วยวัยของเรา แอนก็ 50 แล้ว แล้วเขาก็ 60 แล้ว ก็รู้สึกว่ามันเข้ากันได้ นี่แต่งงานกันมาเกือบ 10 ปีแล้วเหมือนกันนะ และที่สำคัญเขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวมาก”

เขาหึงหวงขนาดไหน? แอน : “ไม่หึงอะไรขนาดนั้น แต่ต้องแจ้งก่อนว่าวันนี้จะไปปาร์ตี้ วันนี้จะไปกับเพื่อนนะ แต่เรื่องงานเขาไม่ยุ่ง เพราะเขาไม่ค่อยดูทีวีไทย”

แยกอย่างไร ระหว่างครอบครัว กับการทำงาน? แอน : “รู้สึกว่าตัวเองแยกได้ดีขึ้น เวลางานคือทำงาน กลับบ้านอยู่บ้านคือแบบจัดการทำหน้าที่ภรรยา ทำหน้าที่ของแม่ แล้วก็ทำหน้าที่ลูก แอนว่าแอนชอบช่วงวัย 45-50 แอนรู้สึกผู้หญิงมีความชัดเจน มีความเข้าใจในตัวเองมากขึ้นแล้วเราก็โตพอผ่านประสบการณ์ชีวิต รู้ว่าอะไรที่เราจะทำ อะไรที่เราจะไม่ทำ มันก็มีความมั่นใจมากขึ้น”

แอน สิเรียม

แอน สิเรียม เปิดใจเคยทิ้งวงการ พาลูกไปอังกฤษ เคลียร์เรื่องเยอะ จนกระทั่ง ผู้จัดการลาออก

แอน สิเรียม เปิดใจเพราะอะไร ครั้งหนึ่งถึงทิ้งวงการ พาลูกสาว ไปอยู่อังกฤษ นาน 8 ปี เคลียร์ข่าวเรื่องเยอะ จน ผู้จัดการทนไม่ได้ ขอลาออก

เป็นอดีตนางเอกเบอร์หนึ่ง ของช่องอย่างยิ่งจริงๆ สำหรับ แอน สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ที่ขณะนี้ อายุเข้าเลข 5 แล้ว แม้กระนั้น เขายังดูดีตลอด ทั้งหน้าตา และก็รูปร่าง ยังคงเป๊ะเวอร์ งานนี้ แอน มาย้อนเล่าความหลัง ตั้งแต่เข้าวงการ รวมทั้งจริงไหม ที่เขาว่ากันว่า เขาเรื่องเยอะ กระทั่งผู้จัดการยื่นใบลาออก ผ่านทางรายการ ฮัลโหลซุปตาร์ ทางช่อง7 HD กดหมายเลข 35 ที่มี นีโน่ เมทนี, นุ้ย ธนวัฒน์ แล แอร์ ภัณฑิลา เป็นพิธีกร ดำเนินรายการ ผลิตโดย บริษัท นีโน่ บราเดอร์ส ของผู้จัด นีโน่ เมทนี แล้วก็หนิง ปณิตา

ขณะนั้นเคยคิดไหม ว่าคาแร็กเตอร์แบบฉัน คนจะสนใจ?  “เป็นยังไงยังไม่รู้คาแร็กเตอร์ตัวเองเลย”

ครอบครัว แอน สิเรียม

แอน สิเรียม จะออกแนวโก๊ะๆน่ารักน่าเอ็นดูๆ?  “มันเป็นบุคลิกของเราอยู่แล้ว ถ้าเกิดแกล้งทำมันไม่เนียนนะ มันต้องมีหลุดบ้าง”

แอนเข้าวงการเร็วด้วย? แอน : “ตอนนั้นอายุ 14”

เขาปังขนาดไหน? นีโน่ : “นางเอกนี่นับคนได้ แต่ถ้าเป็นนางเอกช่อง7 สมัยนั้นแอนมาเร็วที่สุดที่กลายเป็นเบอร์หนึ่ง ปกติเขาจะครองกันยาวจนถึงอายุเยอะ แต่พอแอนมาวิ่งเป็นเบอร์1 เร็วมาก”

แอน : “แอนต่อพี่ตุ๋ย มนฤดี พี่แก้ว อภิรดี”

นีโน่ : “แอนมา 18 เขาเป็นเบอร์1 แล้ว”

สมัยก่อนถ้าพูดถึงทรงผม มีคนไปดัดผมตามแอน? แอน : “สมัยก่อนผมหยักศก ผมหยิกเอง สมัยก่อนไม่ชอบเลยรู้สึกสางผมยาก ก็พยายามไดร์ให้ตรง ตอนนี้ก็ตรงขึ้นเยอะ ไม่หยิกอย่างนั้นแล้ว”

แต่ก่อนเคยโดนบูลลี่ด้วย เนื่องจากความเป็นลูกครึ่ง ของเรา? แอน : “ใช่ค่ะ สมัยก่อนลูกครึ่งจะน้อย แล้วแอนจะเป็นคนหน้าตกกระ แล้วผอม ตัวเล็กเหมือนไม้เสียบผี ก็เลยจะต้องโดนล้อ เขาบูลลี่ว่าไม่เห็นสวยเลย ฝรั่งขี้นก”

พอเราเข้าวงการ คำบูลลี่ต่างๆ เหล่านั้น มันเป็นอย่างไรกันบ้าง? แอน : “ก็ค่อยๆ หายไป เหมือนกับเราต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าเราเป็นคนทำงานมีความสามารถ แอนว่ามันมีทุกยุคทุกสมัยแตกต่างกันไป แต่พอเราโตขึ้นมันก็ทำให้เราสามารถแบกรับหลายๆ เรื่องได้มากขึ้น จริงๆ โดนหมด แต่งตัวไม่สวย หรืออะไรโดนหมด แต่เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนยอมรับ”

นึกออกไหม ละครเรื่องไหน พลิกชีวิตแอน? แอน : “ได้แสดงแต่ละเรื่องของช่อง7 แบบดีหมดเกือบทุกเรื่อง ยุคแอนกับดาราวิดีโอจะโตมาด้วยกัน ทวิภพ ก็เป็นเรื่องที่แอนชอบด้วย แล้วก็ภูมิใจด้วย ตั้งใจทุกฉาก เก็บไปนอนฝัน ท่องภาษาฝรั่งเศส คนจะเรียกแม่มณีเยอะ หรือว่าเรื่องกับพี่เบิร์ด วันนี้ที่รอคอย”

ในเวลานี้ 50 แล้วไลฟ์สไตล์ชีวิต เปลี่ยนไหม? แอน : “เปลี่ยนนะ ความรู้สึกเปลี่ยน แต่ก็ยังสนุกอยู่ ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะไม่ชอบการแสดงไปแล้ว แต่กลับชอบเพราะรู้สึกว่าในวัยนี้มันได้เล่นอะไรที่ท้าทายความสามารถได้เยอะกว่าแต่ก่อน แต่ก่อนจะได้เล่นแบบแบ๊วๆ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ายิ่งเล่น ยิ่งสนุก เพราะมันเหมือนเรามีประสบการณ์ชีวิต แล้วพอเรานำมาถ่ายทอดในการแสดงมันมันส์ สนุกดี”

อีกหนึ่งอย่างไลฟ์สไตล์ชอบเที่ยว? แอน : “ใช่ เพราะสมัยก่อนแอนไม่ค่อยได้เที่ยวไง ละครถ่ายไปออนไปด้วย”

ช่วงหลังในอินสตาแกรม ออกกำลังกายเยอะด้วย? แอน : “ก็ต้องมีบ้าง ด้วยวัยเราการออกกำลังกายช่วยให้เรารีเฟรช มันทำให้สดชื่นขึ้น”

ออกกำลังกายแบบนี้ หุ่นถึงเซี๊ยะ ในไอจีมีชุดว่ายน้ำ สามีว่ายังยังไง? แอน : “สามีไม่ว่า เขาว่าจนเลิกว่าไปแล้ว เขาก็บ่นๆ แต่ถ้าเราแก่ไปกว่านี้เราก็ไม่ได้แล้วนะ ตอนนี้ช่วงเวลาชีวิตที่อยากทำอะไรก็ทำ”

กระทั่งกลายเป็นดาว tiktok? แอน : “ทุกคนเล่น เราก็อยู่กับยุคสมัย อะไรเปลี่ยนไปเราก็ร่วมสมัยกับเขาด้วย แค่นั้นเองไม่ได้คิดอะไรมาก เวลาอยู่กองถ่ายมันก็ว่าง ถ่ายละครกับพี่ป๋อนี่แหละ เขามาชวนเล่นจริงๆ จังๆ”

แอนเป็นคนออกกำลังกาย ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายตัวเองตลอด เลือกกินอาหาร คนอาจจะมองว่าเรื่องมากไหม จริงๆไม่ใช่ ไปตรวจพบว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง คือภูมิแพ้แอบแฝง? แอน : “ใช่ๆ เราออกกำลังกายเยอะมาก ทำไมท้องอืด ไม่เข้าห้องน้ำแล้วมันพองแบบไม่ได้กินอะไรเยอะเลือกทานแต่โปรตีน ทานไข่ ก็เลยไปเช็ก แล้วเริ่มมีลม เหมือนเป็นโรคคนแก่ ตอนนี้ฉันแก่ขนาดนี้แล้วเหรอก็เลยเอาเลือดไปตรวจ ออกมาลิสต์แพ้อะไรบ้าง แอนถามต้องทำยังไง เขาบอกว่าลองหยุดอาหารที่แพ้ก่อน แล้วมันเยอะมาก 10 กว่าอย่างเป็นของที่แอนชอบหมดเลย หลักๆ อะโวคาโด้ ไข่แดง ไข่ขาว พวกผลิตภัณฑ์ที่มาจากแป้งทุกอย่างเลย กินก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ สปาเก็ตตี้ไม่ได้ แต่ทานข้าวได้ เพราะลดข้าวตลอด”

อาการเวลาทานของเหล่านี้เข้าไป จะคืออะไร? แอน : “ไม่ย่อย ท้องอืด อึดอัด หมอบอกว่ากระเพาะเป็นรูเล็กๆ เป็นแผล แล้วพอลองหยุดดู นี่เดือนที่ 6 แล้ว เริ่มดีขึ้นกลับมาค่อยๆ ทาน หมอบอกให้ค่อยๆ กลับมาทานทีละนิดๆ บทเรียนของแอนคือทานอาหารที่หลากหลาย อย่าทานซ้ำมาก แล้วอยู่ให้มีความสุข”

มีอยู่ตอนหนึ่ง แอนกับลูกสาวย้ายไปอยู่อังกฤษเลย? แอน: “ค่ะ”

สาเหตุของการย้ายไปทำไม? แอน: “อยากย้ายก็ย้ายไปเลย พาลูกไปเรียนที่นู้นแล้วจะได้ดูด้วย”

ณ ตอนนั้น งานที่ประเทศไทยล่ะ? แอน: “ไม่ได้ทำเลย เพราะมันทำมาตั้งแต่อายุ 14 แล้ว คิดว่าเราก็มีพี่สาวอยู่ที่นู้น มีญาติพี่น้อง ไม่ได้ไปแบบไม่มีใครเลย มันก็มีเพื่อนมีสังคมอยู่ที่นู้น แต่ก็ไปทำธุรกิจความงามตอนนั้น ก็ลองเปลี่ยนโซนดูว่าเราทำสายนี้มาเยอะแล้ว เรามาทำงานอยากเป็นนักธุรกิจหญิงบ้าง แต่มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ กลับมาเป็นดาราเหมือนเดิมนี้ดีแล้ว”

8 ปีที่ตัดสินใจ ว่ากลับไทย มารับงานดีกว่า? แอน : “ไม่ถึง 8 ปีหรอก ประมาณ 6-7 ปีได้ แต่พอมาแต่งงานกับสามี ก็ไปๆ มาๆ ทุก 3-4 เดือน แอนก็กลับแล้ว อยู่ไม่ไหว หนาว”

สามีแอนเขามาทำธุรกิจก่อน หรือแอนให้เขามาทำ ที่เมืองไทย? แอน : “เขาอยู่เมืองไทยมาก่อนแล้ว แล้วเราก็เจอกันที่เมืองไทยนี่แหละ เขาชอบเมืองไทย”

ตอนกลับมาจากอังกฤษ เราก็ทิ้งงานไปเยอะมาก นานมาก? แอน : “เรียกว่าพักดีกว่า กลับมาต้องปรับหมดเลย ทั้งกลับมาแสดงก็ต้องปรับ อยู่อังกฤษเราก็ต้องปรับเหมือนกัน มันมีวัฒนธรรมประเพณีแตกต่างกัน แต่มันก็แล้วแต่คนด้วย อย่างสามีแอนเขาไม่พูดไทย ภาษาอังกฤษแอนก็ไม่ได้ดีมากแอนก็ไปฝึก ไปเรียนที่นู้น เขาก็ส่งไปเรียนฝึกพูด ฝึกเขียน เรียนเข้าสังคมที่นู้น”

เปิดใจ แอน สิเรียม

แอนกลับมาวงการบันเทิง เขาพูดว่าแอนกลับมา แอนเป็นคนเรื่องเยอะ เรื่องเยอะขนาดผู้จัดการจะต้องขอลาออก? แอน : “ไม่เคยรู้ข่าวนี้เลย”

ผู้จัดการคนนั้นคือนนนี่? แอน : “ผู้จัดการอยู่บนหิ้งด้วย”

เขาว่ายังไงบ้าง ในตอนที่ไม่ได้ดูแลแอนแล้ว? แอน : “มันต้องรู้ขนาดนี้เลยเหรอแม่ ต้องละเอียดขนาดนี้เลยเหรอแม่ แต่จริงๆ เราก็สอนด้วยไง แต่โดยธรรมชาติเขาเป็นคนทำงานเก่งอยู่แล้ว แต่อยู่ที่เขาจะทำหรือไม่ทำ สมัยก่อนตอนเข้าวงการแอนก็เรื่องเยอะ เรื่องแต่งหน้าทำผม แต่พอมาวัยนี้เราก็สอนด้วย ถามหรือถ้าไม่ถามก็บอกมาให้ละเอียดว่าลักษณะงานเป็นยังไง ต้องแต่งตัวยังไง หน้าผมแบบไหน รายการออนแอร์กลางวันหรือกลางคืน ซึ่งเราก็ได้แต่งตัว เตรียมความพร้อมของเราเอง เราไม่ได้แบบว่าลุกขึ้นมาแล้วไปกองทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่เตรียมตัวทำการบ้านเลย แล้วเราอายุมากแล้ว เราจะมาให้นักแสดงเด็กๆ เขามารอเราว่าเราท่องบทไม่ได้ เราจำบทไม่ได้ เราก็ต้องเตรียมตัว”

กลับมาเล่นละคร กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้าง? แอน : “ก็ดีนะ เพราะเล่นร้ายเหลือเกิน ครบรส สนุกดี ถือว่ามันเป็นช่วงจังหวะที่เข้ามาลงตัวกับชีวิตด้วย แล้วเรารู้สึกมันส์ดี แอนว่าทีมงานกองละครเก่งขึ้นเยอะ สมัยเราไม่มีกว่าจะได้บท สมัยนี้ต้องอ่านบท เวิร์กช็อปก็ได้รู้จักนักแสดงมีความสุขดี แอนรู้สึกว่ามันทันสมัย ทุกคนต้องมาบอกถึงคาแร็กเตอร์ของตัวเองว่าเป็นยังไง เราอ่านบทแล้วเราแชร์กับผู้กำกับได้ ให้ไอเดียได้”

ผลงานหนึ่งของแอน ที่ทำให้รู้เลยว่า แอนกลับมาทำงาน เต็มตัวแล้ว คือการกลับมาทำงานกับเชียร์? แอน : “ใช่ ก็คิดอยู่นะคะ จะเล่นดีไม่เล่นดี”

ปัจจุบันมีการยอมรับ LGBTQ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ? แอน : “จริงๆ กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ถามว่ายากไหม ตอนที่แอนอ่านบทมันก็มีสะดุ้งนะคะ แต่ก็เล่นไปตามธรรมชาติ ที่แบบความรักอาจจะไม่ได้เกิดแค่ผู้หญิง ผู้ชาย บางทีเราก็มีความรักกับเพศเดียวกัน เราก็ต้องมองให้มันเป็นสิ่งสวยงาม”

คุณสามีว่ายังไงบ้าง ต้อง ดูเราเลิฟซีน? แอน : “คุณสามีเขาก็แบบว้าวอะไรอย่างนี้”

เจอกับสามีได้ยังไง เขาทราบไหมว่าเรา เป็นผู้แสดง? แอน : “เขารู้ว่าเป็นนักแสดง แต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นนางเอก เขาเข้าใจว่าเล่นทั่วไปจนกระทั่งวันแต่งงาน ญาติพี่น้องเขาเองก็ไม่รู้นะคะ จนกระทั่งวันแต่งงาน ที่อังกฤษเพื่อนแอนเป็นคนสวิส เขาไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว มีสไลด์ ทุกคนแบบ หูย…ยูมีแฟนเป็นดาราเลยนะ ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็เลยเริ่มรู้”

อะไรที่ตกลงใจว่า คนนี้ใช่แล้ว? แอน : “เขามีความเป็นผู้ใหญ่ แล้วด้วยวัยของเรา แอนก็ 50 แล้ว แล้วเขาก็ 60 แล้ว ก็รู้สึกว่ามันเข้ากันได้ นี่แต่งงานกันมาเกือบ 10 ปีแล้วเหมือนกันนะ และที่สำคัญเขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวมาก”

เขาหึงหวงขนาดไหน? แอน : “ไม่หึงอะไรขนาดนั้น แต่ต้องแจ้งก่อนว่าวันนี้จะไปปาร์ตี้ วันนี้จะไปกับเพื่อนนะ แต่เรื่องงานเขาไม่ยุ่ง เพราะเขาไม่ค่อยดูทีวีไทย”

แยกอย่างไร ระหว่างครอบครัว กับการทำงาน? แอน : “รู้สึกว่าตัวเองแยกได้ดีขึ้น เวลางานคือทำงาน กลับบ้านอยู่บ้านคือแบบจัดการทำหน้าที่ภรรยา ทำหน้าที่ของแม่ แล้วก็ทำหน้าที่ลูก แอนว่าแอนชอบช่วงวัย 45-50 แอนรู้สึกผู้หญิงมีความชัดเจน มีความเข้าใจในตัวเองมากขึ้นแล้วเราก็โตพอผ่านประสบการณ์ชีวิต รู้ว่าอะไรที่เราจะทำ อะไรที่เราจะไม่ทำ มันก็มีความมั่นใจมากขึ้น”

เบญ เรวิญานันท์

"เบญ" ยอมรับแล้ว เปิดใจคบจริงจัง กับผู้ประกาศข่าว "อ๊อฟ" ไม่คาดหวังกับความรักคราวนี้

มีแต่คนแซวว่า กำลังอินเลิฟ หัวใจสีชมพู นางเอกสาว เบญ เรวิญานันท์ ทาเกิด เพิ่งลงรูปคู่ ยินดีกับ อ๊อฟ–ชัยนนท์ ผู้ประกาศข่าวชายหนุ่มร่วมช่องวัน ที่มีข่าวกำลังสานสัมพันธ์กัน เลยถูกแซวหนักอีกว่า เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว พบ เบญ ร่วมงาน ช่องวัน 31 มอบความสุข Happy New Year 2566 จากเหล่านักแสดงมาร่วมมอบ ปฏิทินช่องวัน ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว

ล่าสุด มีภาพ ไปยินดี รับปริญญากับ อ๊อฟ–ชัยนนท์?

“ก็ไปแสดงความยินดีกับพี่เค้าค่ะ เค้าจบปริญญาโท”

เสมือนเป็นการ เปิดตัว เลยมั้ย?

“ให้คนดู ตัดสินแล้วกัน (ยิ้ม) สำหรับเบญ มันก็เป็นโอกาสพิเศษ ที่เค้าจบปริญญาโท เราก็อยากไปแสดงความยินดีกับเค้า”

คนไม่ใช่น้อยเซอร์ไพรส์กับความรักครั้งนี้ของเรา ว่าไปสปาร์กกันอย่างไร เพราะอยู่ช่องเดียวกัน แต่คนละสายงาน?

“เราก็เซอร์ไพรส์ตัวเองเหมือนกัน (หัวเราะ) ไม่คิดเหมือนกันค่ะ ว่าจะคุยกันมาถึงตอนนี้ ตอนแรกๆ ที่พี่เค้าทักมา เราก็เหมือนเป็นพี่น้อง รู้จักร่วมวงการ เพราะเค้าเคย สัมภาษณ์เราตั้งแต่ ตอนเล่นสงครามนางงาม 10 ปี ที่แล้ว จนมาตอนนี้ก็มีโอกาสคุยกันได้รู้จักกันมากขึ้น”

อ๊อฟ ชัยนนท์ กับ เบญ เรวิญานันท์

ตอนที่เค้าทักมา เราทราบเลยมั้ยว่าเค้ามาจีบ?

“มันก็มีเซ้นส์ เราเป็นผู้หญิงเวลาผู้ชายทักมา”

ทำไมรู้จักกันผ่านเวลาไปนาน เค้าถึงพึ่งทักมา?

“เพราะว่าหนูโสดมั้งคะ เค้าทักมาช่วงที่เป็นข่าวว่าโสด”

ได้คุยกันมันมีอะไรที่คิดว่าไปต่อได้?

“แรกๆคุยกันมาห่างๆ เดี๋ยวคุยกันสองเดือนแล้วก็หายไป แล้วก็เหมือนมาคุยกันจริงๆจังๆอีกจนตอนนี้ก็เสถียร ก็คุยกับเค้าจริงจัง”

มาสนิทกันนานแค่ไหน?

“ณ ตอนนี้น่าจะ 5-6 เดือนที่คุยกันจริงๆช่วงที่หายไปไม่นับนะ”

เราสงสัยมั้ย ว่าทำไม ตอนนั้นเค้าทักแล้วหายไป?

“คือตอนนั้นทั้งหนู ทั้งเค้างานเยอะ ตอนนั้นถ่ายเรื่องมณีพยาบาท เราก็ทำงานหนักมาก ถ้าเค้ายังไม่ทักมา เราก็ไม่ทักไป ทำให้มีช่วงที่เฟดกันไป”

ระหว่างนั้น ก็มิได้เจอะกันในช่องเลย?

“ไม่เจอเลย ส่วนใหญ่เค้าเป็นผู้ประกาศจะอยู่ตึกข้างหลัง เราอยู่ตึกใหญ่”

ในขณะนี้หลายท่าน แซวเราว่าพอมีความรัก ดูสวยงามผ่องใสไปหมด?

“ก็แฮปปี้ค่ะ”

ดูเขิน?

“เขินค่ะเพราะไม่เคยพูดเรื่องความรักแบบนี้ เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ เพราะทุกทีก็คือพูดอีกทีคือเลิกกันแล้ว (หัวเราะ) คือหนูไม่เคยมานั่งพูดว่าตอนนี้เป็นแบบนี้รักกันแบบนี้”

พอเป็นข่าว คนรู้ ก็ฮือฮา เปิดวาร์ปหนุ่มของเบญ ได้เห็นมั้ย รู้สึกอย่างไร?

“เห็นค่ะ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าคนจะสนใจเยอะขนาดนี้ ตัวเบญเองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แล้วตัวพี่เค้าอีก เราไม่คิดว่าคนจะให้ความสนใจเยอะ กลายเป็นว่าพอเป็นข่าวออกไปคนก็กลับชื่นชอบเนอะ แทบไม่มีคอมเมนต์ที่ลบเลย ก็ดีใจค่ะ ฝากติดตามต่อไป (ยิ้ม)”

ก่อนจะเปิดตัว วันเกิดเรา มีตกลงกันก่อนมั้ย ว่าจะเปิดวันนั้น?

“ไม่ค่ะ ไม่ได้ตกลงเลย หนูแค่คิดว่า มันเป็นโมเมนต์พิเศษ เราคุยกับเค้าเราให้เกียรติเค้า แค่วันนี้ เป็นวันเกิดของกันและกัน เราก็แฮปปี้เบิร์ธเดย์แค่นั้น ไม่ได้คิดมาก หนูอยากให้การคุยกันครั้งนี้ มันเป็นธรรมชาติ”

ณ ขณะนี้ เบญ เรวิญานันท์ กับ อ๊อฟ ชัยนนท์ เป็นสถานะอะไร คนพิเศษ หรือตกลงเป็นแฟนกันแล้ว?

“ยังไม่ได้ตกลงค่ะ แต่ก็คุยกัน หนูก็คุยกับเค้าคนเดียว เค้าก็คุยกับหนูคนเดียว ส่วนจะสถานะไหน เราเป็นผู้หญิงนะ (ยิ้มเขิน) ต้องถามเค้านะคะ ฝากด้วย”

เวลาคุยกันเค้าเป็นเหมือนสไตล์ผู้ประกาศ ในตอนอ่านข่าวมั้ย?

“ไม่เหมือน”

หรือมีความมุ้งมิ้ง?

“เค้าจะมุ้งมิ้งมากกว่าหนูด้วยซ้ำ คือตัวเบญจะแมนๆ อย่างนี้ ตัวพี่เค้า เราก็ไม่คิดว่ าเค้าจะเป็นแบบนี้ ด้วยซ้ำ พอมารู้จัก เค้าไม่ได้เป็นเหมือนผู้ประกาศข่าว ที่เราเห็น”

แก๊งเพื่อน ดาราในช่องวัน แซวเยอะมากมั้ย?

“ทุกวันนี้เข้าตึก ทุกคนแซวแต่เรื่องนี้ เรื่อง อื่นไม่พูดถึงแล้ว อย่างวันนี้มาถึงงานก็แซวว่าคนมีความรักหน้าตาเป็นแบบนี้ สวยขึ้นเนอะ คือไม่คิดว่าเราดูแลตัวเองบ้างเหรอ (ยิ้ม)”

คาดหวังยังไงมั้ยกับความรักคราวนี้?

“ไม่คาดหวังค่ะ แต่ก็จริงจัง เราโตแล้วเราก็อยากเจอคนที่เป็นคู่ชีวิตเราไม่ได้อยากคบเล่นๆแล้ว แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าต้องจบกับคนนี้ ไม่อยากเอาความคาดหวังมาเป็นตัวกำหนดแต่อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ ณ ปัจจุบันนี้ทำทุกวันให้ดีที่สุด”

ปีหน้าจะมีผลงานอะไรบ้าง?

“มีค่ะ เดี๋ยวปีหน้า มีละครเรื่อง มณีพยาบาท ออนแอร์ 29 ม.ค. และกำลังจะเปิดกล้อง อีกเรื่อง Second Chance เรื่องมณีพยาบาท เล่นเป็นผี มุกดา เป็นตัวดำเนินเรื่อง ตามอาฆาตแค้น ตัวหนูเป็นคนกลัวผีนะ แต่ในเรื่องหนูเล่นเป็นผี ไปหลอกเค้า ไม่ได้โดนหลอก”.

เชฟป้อม

"เชฟป้อม" กับความลับที่เก็บไว้ภายในใจมากกว่า 30 ปี เปิดเรื่องรักที่ทำให้น้ำตาตก

เรามาทำความรู้จัก กับผู้ที่ใครๆหลายคน ชื่นชอบ นั่นก็คือ เชฟป้อม หรือ หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ซึ่งตอนนี้ เชฟป้อม เป็นนักโภชนาการ และ เชฟที่เป็นที่รู้จัก จากการเป็นกรรมการรายการแข่งขันทำอาหาร มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ แต่ ถึงจะรักในการทำอาหาร ที่อยู่หน้าเตาร้อนๆ แต่ว่า เชฟป้อม ก็ดูแลตัวเอง พร้อมด้วยบทบาทแม่ ที่มีลูกชายถึง 3 คนแล้ว แต่ก็ยัง จำต้อง สวย ดูดี เสมอ

ล่าสุด เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญ คนพิเศษ ในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เชฟป้อมหรือ หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ได้เปิดเรื่องราวในชีวิต พร้อมทั้งเปิดเผยความรัก แบบทุกซอกซอยในใจ เนื่องจากว่าอุ่นใจ ที่ได้มานั่งคุย มานั่งเล่า ตรงนี้คู่กัน เป็นที่แรก แบบหมดเปลือก ถึงตอนเด็กๆ ตัวเอง คือ ต้นฉบับอ้วนดำ โดนว่าไม่สวยตั้งแต่เด็ก ถึงขนาดป้าข้างบ้านบอกแบบนี้ให้ฟรีมีของแถม ป้าก็ไม่ขอให้ลูกชายป้า

แล้วก็ความรักคราวแรก ถ้าหาก เชฟป้อม บอกว่าเพื่อน ก็คือเพื่อน และก็หากไม่เชื่อใจกัน ก็อดไปต่อ ขอเลิกสถานเดียว พร้อมยอมรับสารภาพ ความลับ ที่เก็บเอาไว้ในใจ มากกว่า 30 ปี ที่นี่ที่แรก เรื่องใดที่ทำให้น้ำตาตก ในวันแต่งงาน? เสน่ห์ปลายจวักฝีมือการทำอาหารระดับ เชฟป้อม แต่ในสายตาของสามี ไม่เคยทำอาหารอร่อยเลย

เชฟป้อม เปิดเรื่องรัก

ปัญหาความรักของ เชฟป้อม เจอหลายๆเรื่อง จนถึงความรักเริ่มหมดไป

บางคราว พบชิ้นส่วน ของบุคคลที่สาม ในตู้เสื้อผ้า จนมีความคิดว่า ตัวเองไม่มีค่าอะไรเลยเหรอ โสดแล้ว Hot เวอร์ ถึงจะเด็กกว่าก็ไม่ติด เสียงสองไม่มี มีแต่คะขา แล้วความรักในช่วงเวลานี้ ของเชฟป้อม ยังโสดไหม? ทุกความเจ็บปวด จะมีบทเรียนแฝงอยู่เสมอ! และก็ทุกคนจะก้าวผ่านทุกปัญหาไปได้..เชื่อป้อม

เอาจริงๆ เราถือว่าเป็น ผู้หญิงฮอตป๊อปปูล่าไหม ?
“ขี้เหร่ล้ำหน้าเลยต่างหากค่ะ อ้วนดำ อ้วนดำโดนมาตลอด เคยเจอ มีผู้ใหญ่มาหาที่บ้าน บอกแม่ เธออ้วนดำขนาดนี้ เก็บไว้ก้นครัวเถอะ เขาพูดให้เราได้ยินเลย บางคนคุณป้า บอกไม่ไหวนะแบบนี้ ให้ฟรีมีของแถม ป้าก็ไม่ขอให้ลูกชายป้า”

แล้วความรัก ที่เป็นจริงเป็นจัง เริ่มขึ้นเมื่อใด ?
“ตอนอยู่มหาวิทยาลัย ซึ่งประมาณปี 2 ที่บ้านเนี่ย คุณแม่ทำอาหาร เพื่อนก็ชอบมาสิคะ ก็มีแฟนอยู่คนหนึ่ง เราก็บอกเขาว่า ถ้าเธอมาเธอจะอึดอัด เขาก็เอาเลย อาละวาด เนี่ยมีแฟนอยู่ในวงใช่ไหม ? อย่างนั้นอย่างนี้ เราก็บอกว่าเพื่อน วันรุ่งขึ้น เราก็บอกไม่ต้องเข้าบ้านจ๊ะ แล้วไม่ต้องมาอีกแล้ว”

จนกระทั่ง มีความรัก แบบที่ดำรงชีวิตคู่ ?
“อันนี้ ป้อม จะมาเล่าสารภาพให้ฟังว่าวันที่ ป้อม แต่งงาน ป้อม น้ำตาตกเลย เก็บไว้ในใจคนเดียวไม่เล่าให้ใครฟังเลย ไม่ให้คนได้ยิน อย่างในรายการที่นี่ที่แรก ตอนทำบุญตอนเช้าก็มีถ่ายรูปใช่ไหมช่างภาพก็บอกว่าใกล้ๆกันนิดเขาก็หันพูดข้างหูเรา”

เสน่ห์ปลายจวักระดับ เชฟป้อม ช่วยได้ไหม ?
“หลังจากแต่งงานแล้ว ป้อม ไม่ได้ทำหน้าที่ เกินหน้าผู้หญิงคนอื่น ดูแลความเป็นอยู่ อาหารการกิน เรียนรู้ว่า เช้าจะกินอะไร เราก็ทำให้ตลอด เสน่ห์ปลายจวัก ในสายตาของเขา ป้อมไม่เคยทำอะไรอร่อยเลย พอให้กินก็งั้นๆ”

มีปัญหาแบบที่ หลายๆครอบครัว เขาเจอกันไหม พวกบุคคลที่สาม เข้ามา ?

“ป้อมว่ามีหลายมือ (ยิ้ม) มันบั่นทอนความรัก และมันก็ทำให้ความรัก ออกไปเรื่อยๆ เพราะว่ามีเพื่อนที่เป็นโสด ซึ่งเขาก็เคยเจอปังๆ ที่หัวหิน แล้วเขาไม่รู้ว่า ป้อม ไป เขาก็พาหญิงมาเป็นฝูงเลย พอเจอหน้า ป้อม ก็เลี้ยวกลับบ้าน เคยเจอชิ้นส่วนในตู้เสื้อผ้า ที่หัวหินค่ะ มันหมดน้ำตาร้อง นี่เราไม่มีค่าอะไรเลยเหรอ”

แต่หลังจากหย่าแล้ว กลายเป็นฮอตมาก ?
“ก็พอมีค่ะ แต่ว่าตอนนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของอายุ เด็กกว่าก็โอเค ถามว่ามีมุมหวานๆ บ้างไหม ก็มีเสียงพูดธรรมดา แล้วก็ คะ ขา บ้าง อะไรอย่างนี้ค่ะ”

ความเจ็บก่อนหน้านี้ ได้ให้อะไรเราบ้าง ?
“ความเจ็บปวดใดๆ ก็ตาม ทุกครั้งมันจะมีบทเรียนแฝงอยู่ ในนั้นเสมอ ถ้าคุณคิดว่า คุณยังไม่มีแรงพอ หรืออะไร คือความมั่นคง ก็ต้องมองให้ตัวเองระดับหนึ่งก่อน ไม่ใช่ออกมาแล้วตาย อยู่ไม่ได้ ความเศร้า ความรันทดใดๆ ต่อให้คนรอบตัวเป็นร้อย มาปลอบคุณ คุณก็ก้าวผ่านไปไม่ได้ คุณคิดไม่ได้เอง สิ่งที่กองเชียร์พูด เอามาคิด เอามากลั่นกรอง เพื่อที่ให้เราก้าวต่อไป แล้วยืนอยู่อย่างแข็งแกร่ง อย่าบอกว่าตัวเองทำไม่ได้ คนเราทำได้ และก้าวผ่านทุกอย่างได้ เชื่อ ป้อม”

เปิดหมดเปลือก ทุกเรื่องราวชีวิต แล้วก็ความรักของเชฟป้อม หรือ หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ติดตามรับชมได้ ในรายการ Club Friday Show วัน เสาร์ ที่ 17 ธันวาคม เวลา 12.00 น. ทางช่องวัน31

ป๋ากิ๊ก

“ซูโม่กิ๊ก” เตรียมโบกไม้โบกมือลาวงการบันเทิง จัดการดราม่าทะเลาะ “ติ๊ก กลิ่นสี”

“กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ” หรือ “ซูโม่กิ๊ก” เปิดใจ ในรายการดัง เตรียม โบกไม้โบกมือ ลาวงการบันเทิง อีก 5 ปี ในตอนที่ อายุ 65 ปี

เกือบ 40 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง สำหรับ ป๋ากิ๊ก – เกียรติ กิจเจริญ หรือที่แฟนๆ รู้จักกัน ในชื่อ “ซูโม่กิ๊ก” ล่าสุด เจ้าตัวทำเอาแฟน ๆ ตกใจ ด้วยเหตุว่า ได้เปิดใจ กลางรายการดัง ว่า ตัวเองเตรียมลาวงการบันเทิง และ เตรียมย้ายบ้าน ไปอยู่ จังหวัดสุพรรณบุรี อีกทั้งยัง สะสาง หัวข้อดราม่า ที่หลายคนมีความรู้สึกว่า กิ๊กทะเลาะ กับเพื่อนในวงการอย่าง “ติ๊ก กลิ่นสี” เกิดอะไรขึ้นกันแน่

กิ๊กได้เล่าว่า ในช่วงเวลานี้ ตัวเอง  และครอบครัว กำลังจะย้าย ไปทำบ้าน อยู่ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นการย้าย ไปตามลูกชาย และ ลูกสะใภ้ และ ให้เหตุผลว่า บั้นปลายชีวิต อยากไปอยู่สุพรรณ ด้วยเหตุว่า ความสุขสำราญของเขา คือการได้อยู่กับลูก ซึ่งตัวเอง ก็ตั้งอกตั้งใจ จะเกษียณ ในวงการตอน 65 ปี นั่นเอง

ซูโม่กิ๊ก

ซูโม่กิ๊ก มาจากไหน ?

“มาจากเพชรฆาต ความเครียด เทียบกับยุคนี้ ก็คือ ก็เหมือนตลกหกฉาก ซึ่งตอนนั้น ก็เล่นหนังเยอะ เหมือนกัน และซูโม่กิ๊ก มาจากกลุ่ม ที่ชื่อซูโม่สำอางค์ แต่ละคน จะมีคำนำหน้าว่า ซูโม่ ทุกคน พอหลังจากนั้น ก็จะมีกลุ่มเสนายุทธ การขยับเหงือก หลังจากนั้น พี่ก็ออกมา เซ็นสัญญา เป็นนักแสดงช่อง 3”

เป็นผู้ที่จริงจัง กับการใช้ชีวิตมากมาย ?
“ถามว่า ไหวอยู่ไหม ตอนนี้ เราก็ยังไหวอยู่ แต่อาจจะ ทดถอยลงจาก 100 เปอร์เซ็นต์ ก็เหลือ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่เดี๋ยวนี้ระวัง เบรกแล้ว ก็มีพักบ้าง ซึ่งเราก็นอนหลับเลย อย่างสมัยก่อน เราก็ยังไปเดินเล่นได้ แต่เดี๋ยวนี้ คือนอน อย่างเดียวเลย”

เจ้าพ่อการอ่านหนังสือ ?
“ถ้าว่าง ก็ยังอ่านอยู่เหมือนเดิม เป็นโฟโต้บุ๊ก หรือเป็นเรื่องที่วิเคราะห์ นู่นนี่นั่น หรือจะเป็นนิยาย หนังสือฝรั่งเศส ไทย ได้หมด มันสามารถช่วยงานพิธีกรได้ ใครที่อยากเป็นพิธีกร ต้องเริ่มต้นจากการอ่านหนังสือ เพื่อสะสม ประสบการณ์ชีวิต เอาจากวิธีการ ที่คนอื่นเขาเขียนมา ทำให้สมองเรารู้สึกกว้างมาก ถึงจะไม่ลึกแต่กว้างมากจริง ๆ”

เวลาอ่านหนังสือ ต้องอ่านเสียงดัง ?
“คือการอ่านหนังสือ เราต้องการอ่านแบบออกเสียง ต้องใส่วอเตอร์สกิล ทักษะกลไกของร่างกาย ถ้าเกิดเราอ่านในใจ เว้นช่วงระยะนั้น ต้องใช้กลไกของกล้ามเนื้อของปาก ในสมอง แล้วก็จะคิดคันว่า เราควรจะพูดอะไรต่อไป มันทำให้เราพูดชัดขึ้น คือไม่ต้องท่องจำ แต่ถ้าเกิดเรามีความรู้ อยู่กับตัวแล้ว และรู้จักการอ่านออกเสียง ชัดเจน เราจะรู้เลย ว่าคำไหนที่เรา ไม่ถนัด”

คนไม่ใช่น้อย บอกว่า เราทะเลาะกับ ติ๊ก กลิ่นสี ?

“ไม่มี ไม่ได้ทะเลาะใคร ไปเอาข่าวมาจากไหน จะบอกว่าพี่กับพี่ติ๊กทะเลาะกันยากมาก คือหนึ่งเป็นเพื่อนกันก็อีกเรื่องนึง แต่ว่าพี่ติ๊กเป็นคนดีมาก เพราะเขาวางตัวไว้แล้วว่าถ้าเกิดทำและรุนแรงทั้งคู่มันจะขัดแย้ง ซึ่งเขาจะเป็นคนสั่งเราส่วนใหญ่ ซึ่งเขาเป็นคนดีนะ ถ้าไม่มีเขาก็ไม่มีบริษัททริปเปิ้ลทรู และเขาเป็นคนให้เกียรติและรับฟัง เป็นคนยอมคนและยืดหยุ่น”

บทบาทการเป็น พ่อคน ?
“ไม่กดดันลูกเรื่องมีลูก ซึ่งตอนนี้เขาก็คงพยายามอยู่ เพราะเราพูดตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานแล้วว่าเราอยากมีหลาน ซึ่งตอนนี้ก็กำลังจะย้ายครอบครัวไปทำบ้านอยู่ที่สุพรรณบุรี และเราเคารพทั้งสองครอบครัวการที่จะย้ายไปอยู่สุพรรณ เราก็เลยบอกเขาว่าถ้าตัดสินใจจะอยู่สุพรรณ เปากับเอิร์ธก็ต้องเลือกว่าอยากมีบ้านอยู่ที่ไหน เขาก็ต้องเลือกชีวิตของเขาเอง เพราะเขาอยากเป็นเกษตรกร เขาต้องไปสนุกสนานกับพ่อตาเขา”

“หลังจากนั้นเขาก็ไปหาซื้อที่ดินก็ได้ที่ดินมาอยู่ที่ ศรีประจันต์ แม่เขาก็ชอบ การที่เราอยู่ที่ไหนเลือกที่จะทำอะไรต้องคิดว่าเรามีความสุขไหม ถ้าเกิดฝืนที่จะต้องมีความสุขเพื่อลูกเมียมันไม่ได้ คนเราต้องอยู่บนพื้นฐานของความสุข เพราะถ้าวันหนึ่งเส้นที่มันมัดไว้ขาดกันขึ้นมา มันก็จะตีกันเหมือนเดิม เพื่อนที่บั้นปลายชีวิตก็อยากไปอยู่สุพรรณ เพราะความสุขของเราคือการได้อยู่กับลูก ซึ่งเราตั้งใจจะเกษียณอายุในวงการตอนอายุ 65”

เอ้ ชุติมา

“เอ้ ชุติมา” ลั่นไม่รีเทิร์นแฟนเด็ก คนไหนเอาก็เอาไปเถอะ เตรียมตัวฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด บอกพวกสมองหมาปัญญาควาย

“เอ้ ชุติมา” ตัดผมบริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ไม่เกี่ยวเลิกแฟนเด็ก เผยสภาพจิตใจดียิ่งขึ้น ยังนึกถึงแต่ว่าไม่เอาแล้ว โอดเที่ยวหนัก และมีเรื่องผู้หญิง มอบโอกาสแล้ว แต่แก้มิได้ ลั่นปล่อยไป คนไหนเอาก็เอาไปเถอะ จ่อฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด 10 คน รับคำขอโทษเป็นเงินเพียงแค่นั้น ท้าออกมาต่อหน้า พวกสมองหมาปัญญาควาย มีสมองไว้คั่นหู

ได้ทำตามความตั้งใจเรียบร้อยแล้ว สำหรับดารารุ่นใหญ่ “เอ้ ชุติมา นัยนา” ที่ล่าสุดวันนี้ (7 ธันวาคม) ได้มาตัดผมบริจาคให้กับมูลนิธิ จากนางฟ้าถึงคุณวันใหม่ เพื่อนำไปทอวิกให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง

โดยงานนี้เจ้าตัวก็ออกตัวก่อนเลยว่า มิได้เป็นการตัดผมสั้น เนื่องจากพึ่งเลิกกับชายหนุ่ม “ฟร้อง” แฟนเด็ก แต่ว่าเป็นความตั้งมั่น ต้องการทำบุญของตนล้วนๆ

“จริงๆ รู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องตัด เพราะไว้ผมยาวมาเพื่อจะให้คนที่เป็นมะเร็งจริงๆ เป็นคนสายมูแล้วก็สายบุญอยู่แล้วค่ะ ก็เลี้ยงมาตลอดจนมันยาวถึงก้นแล้ว นี่ก็ครั้งแรกในชีวิต ตั้งแต่อยู่ในวงการบันเทิงมา อันนี้คือสั้นที่สุดแล้ว 40 ปีในวงการบันเทิงไม่เคยตัดเลย

นี่ครั้งแรกจริงๆ แต่ก็มีความสุขนะคะ ตั้งใจทำบุญไม่เกี่ยวกับผู้ชายใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ตั้งใจทำบุญมากๆ เพราะตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนจะเลิกกับแฟนอยู่แล้ว ตั้งใจไว้เป็นปีแล้ว แต่เพิ่งเลิกกับแฟน 3 เดือน ไม่ได้เกี่ยวใดๆ เลย เกี่ยวกับเจตนารมณ์ที่เราอยากทำบุญจริงๆ ที่เลือกมูลนิธินี้เพราะเขามีตัวตนจริงๆ ค่ะ เขาทำด้านนี้มานานแล้ว ช่วยผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง และสร้างอาชีพด้วย โดยให้ผู้ต้องหาในทัณฑสถานเป็นผู้ทอผม ก็ได้บุญหลายต่อมากๆ”

เอ้ ชุติมา ตัดผมบริจาค
เล่าเคยตัดผมแล้วป่วย เข้า-ออกโรงพยาบาล อยู่ 3 เดือน แบบหามูลเหตุมิได้

“คือเราใช้ชื่อจริงในบัตรประชาชนว่า อุมาพร คือตั้งแต่เกิดมาเลย คุณแม่ฝันเห็นผู้หญิงใส่ส่าหรีมากับดอกบัว หน้าออกอินเดียมากเลย แม่ไม่รู้จัก งั้นตั้งชื่อเอาตามนั้นแล้วกัน ก็เลยตั้งว่า อุมาพร คือพรพระแม่อุมา ดังนั้นคนจะเห็นเราไปวัดแขก สวดมนต์หนักมาก สายมูมาก คือต้องทำบุญค่ะ ชีวิตนี้ต้องต่อยอดตัวเองด้วยการทำบุญตลอด มีอยู่ช่วงหนึ่งตัดผม ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่อง ตัดเสร็จก็เป็นไข้เข้าโรงพยาบาล 3 เดือน เข้า-ออกๆ เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวถ่าย เดี๋ยวอาเจียน หาสาเหตุไม่ได้ แล้วก็ฝันถึงพระแม่ เลยไปจุดธูปแล้วก็ขอเป็นลูกท่านที่วัดแขก ถวายตัวเป็นลูกท่าน แล้วหลังจากนั้นมาก็ไม่เคยตัดผมอีกเลยค่ะ”

ครั้งนี้สวดมนต์ไหว้พระ พร้อมจุดธูปขอแล้ว ว่าจะตัดผมไปทำบุญ

“ครั้งนี้ก็เลยต้องขอ เมื่อคืนสวดมนต์แล้ว เมื่อเช้าก็จุดธูป 16 ดอก บอกท่านว่าขออนุญาตตัดผม เล่าให้ท่านฟังหมดค่ะ ก็ไม่เป็นไร แต่คราวที่แล้วพอตัดปุ๊บ หน้ามืด เหงื่อออก ตัวร้อน เป็นลม ครั้งนี้ก็ลุ้นตัวเองอยู่ แต่ไม่เป็นไรเลย แสดงว่าเราขอท่านถูกต้องแล้ว ก็ทำบุญไง ดีใจนะ มีความสุข มันตื่นเต้นดีนะเนี่ย ไม่เคยผมสั้นเลย รู้สึกแปลกๆ”

สภาพจิตใจดียิ่งขึ้น หลังเลิกแฟนเด็ก ยังนึกถึงบ้าง และติดต่อกันอยู่ ในฐานะเพื่อน

“ก็มีบ้างบางครั้ง ยังคิดถึงบ้าง แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันค่ะ ยังคุยกันอยู่ ยังติดต่อกันอยู่ แต่ว่าเป็นเพื่อนกันเฉยๆ นะ ไม่ได้อะไร แค่ห่วงใยน้องว่าเขาทำอะไร ทำอาชีพอะไร โอเคไหม ตอนนี้เขากลับไปอยู่บ้านไหมก็ไม่รู้แล้วค่ะ เขาไม่ยอมบอกเรา ก็เรื่องของเขาไม่เป็นไรค่ะ”

พักเรื่องรัก ต้องการอยู่คนเดียวสักปีหนึ่ง

“อยากอยู่คนเดียวสักปีหนึ่งค่ะ อยากทำงาน ปีหน้าจะมีโปรเจกต์งานเยอะมาก ซึ่งหลายๆ อย่างที่เราไม่เคยทำ ก็จะทำปีหน้าค่ะ เราลดน้ำหนักแล้วก็อยากทำอะไรตื่นเต้นนิดหนึ่งปีหน้า”

ฝ่ายชายมีง้อ แต่ว่าไม่เอาแล้ว ไม่อยากเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในอนาคตขอผู้ชายไม่เจ้าชู้

“ง้อค่ะ เขาง้อ แต่ไม่เอาแล้ว ก็เป็นเพื่อนกันไป ผู้หญิงทุกคนไม่อยากเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ็บแล้วมันต้องจำเนอะ ไม่รู้สิ เราเป็นคนรักก็รักมากเลย แต่วันหนึ่งที่ไปแล้วก็คือไปแล้ว ทุกคนมีทางชีวิตของตัวเอง ถามว่ารักไหมก็รัก ทุกคนถามว่าเข็ดไหมกับการจะมีแฟนใหม่ จริงๆ ก็ไม่เข็ดหรอก เราไม่รู้หรอกว่าในอนาคต สมมติเราบอกว่าเข็ดแล้ว เกินปีสองปีหน้ามาใหม่เราไม่รู้ตัวหรอกค่ะ ว่าอนาคตจะมีใครเข้ามาหรือเปล่า เอาเป็นว่าเข็ดกับรักตอนนี้ แต่ในอนาคตเราไม่รู้หรอก ใครเข้ามาใหม่เราก็โอเค ขอให้เป็นคนดี ขออย่างเดียวไม่เจ้าชู้ค่ะ ผู้ชายเจ้าขา”

คำสัญญาขอปรับปรุงตัว ใครก็พูดได้ มอบโอกาสมาเป็นปีแล้ว ครั้งนี้ขอเลิกเอง

“ใครก็พูดได้ อยู่ที่พฤติกรรมคนมากกว่า เราเป็นคนชอบดูคนด้วยพฤติกรรมไม่ใช่คำพูด เราเป็นคนตรง เป็นผู้หญิงห้าวเหมือนผู้ชาย แล้วครั้งนี้เราเป็นคนขอเลิกเขาเอง ขอเลิกเอง ออกจากบ้านเอง แมนเปล่าล่ะ ให้โอกาสมาเป็นปีแล้ว”

ฟางเส้นสุดท้าย เป็นฝ่ายชายเที่ยวหนัก จนเอาไม่อยู่

“ฟางเส้นสุดท้ายคือเขาเที่ยว เด็กวัยรุ่นเนอะ อายุน้อย เขาแฮงค์เอาต์ก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เหมือนพวกเราตอนวัยรุ่น เราสนุก เราติดเพื่อน เราลองย้อนอดีตเราตอน 22-23 กำลังสนุกเลย ผู้ชายก็จะติดสาว ติดเที่ยว ดังนั้นเนี่ยแฟนเอาไม่อยู่หรอกค่ะ ถามว่าเที่ยวบ่อยขนาดไหน ก็ทุกคืนค่ะ (หัวเราะ) ดื่มเหล้าเก่งค่ะ แล้วเราอายุเยอะแล้วเราตามไม่ไหว ถ้าเราอายุเท่าเขา เราไปได้ เราสนุก พออายุมันห่างกันเยอะๆ เราไปอยู่อย่างนั้นเราจะน็อกเอาไง ถ้าเกิดคนที่มีแฟนผู้ใหญ่กว่านะคะ ช่วยรักษาสุขภาพคนที่เป็นแฟนอายุเยอะกว่านิดหนึ่งนะคะ ถ้าเขารักเราเขาต้องเป็นเด็กที่ดูแลผู้ใหญ่ ไม่ใช่ผู้ใหญ่ไปดูแลเด็ก สักวันผู้ใหญ่ตายก่อน มันไม่ได้”

เผยมีเรื่องผู้หญิงด้วย แต่ว่าปล่อยไป ใครเอาก็เอาไปเถอะ ทนพฤติกรรมนี้มา 1 ปีแล้ว

“ก็มีเรื่องผู้หญิงด้วย ก็เที่ยวกลางคืนเนาะ เป็นเรื่องปกติของคนเมากับคนเมา เขาก็คุยกันรู้เรื่อง ไอ้เราไม่เมาไง ก็ปล่อยเขาไปค่ะ ใครเอาก็เอาไปเถอะ คือไม่ได้จับได้คาหนังคาเขาหรอกค่ะ แต่รู้อยู่แล้ว ทนพฤติกรรมนี้มาปีหนึ่งค่ะ ให้โอกาสก็เหมือนเดิม (หัวเราะ) แต่รักนะ ไม่ใช่ไม่รักเขานะคะ ถ้าเขาดูอยู่ก็รัก อยากให้เขามีอนาคตดีๆ ทำอาชีพที่ดีๆ”

อนาคตถ้าเขาปรับปรุงตัวได้ จะให้รีเทิร์นไหมยังไม่ทราบ

“ไม่รู้ อยากให้เขารักศักดิ์ศรีตัวเอง แล้วก็รักอนาคตตัวเองเยอะๆ เป็นห่วงเขาแค่นั้นเอง อย่างอื่นไม่ได้อะไรเลย”

ห่าง 31 ปีไม่มีผล หากเข้ากันได้ หากไม่รักคงจะไม่อยู่กันถึง 6 ปี ในตอนนี้มีแต่ว่าความหวังดีที่มอบให้

“จริงๆ มันไม่มีผลหรอก ถ้าเราเข้าหากันได้ คือถ้ามันไม่รักกันจริงๆ ไม่มีใครทนอยู่กัน 6 ปีหรอก อย่างเราเป็นคนที่ทนอะไรยากอยู่แล้ว แล้วแฟนเขาก็เด็ก จริงๆ มูฟออนตั้งแต่ปีแรกก็ได้ ไม่ต้องคบกันจน 6 ปี จะ 7 ปีแล้วนะ อาถรรพ์มากเลย แต่หลายคนบอกเอ้มูฟออนเก่งมาก แฟนคลับให้กำลังใจเยอะมาก แล้วก็ให้บอกเทคนิคในการมูฟออน

คือเราบอกนักข่าวแต่แรกแล้ว ว่าด้วยอายุห่างกัน ยังไงวันหนึ่งก็ต้องมาถึง ยังไงก็ต้องเลิก พูดแต่แรกแล้วว่ายังไงก็ต้องเลิก แต่ว่าอยากให้เขามีครอบครัวที่ดี เพราะเอ้ประจำเดือนหมดแล้ว ไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ ดังนั้นถ้าน้องเขาอยากมีลูก เขาจะต้องมีครอบครัวที่อายุไล่ๆ กับเขาเพื่อจะมีลูก เรามีความหวังดีมากๆ อยากให้น้องมีอนาคตที่ดี มีครอบครัวที่ดี มีชีวิตที่ดีและมีการงานที่ดี”

เอ้ ชุติมา โสดแล้วฮอต มีแต่คนรุมจีบ ทั้งผู้ชาย เพศหญิง และทอม แต่ว่าขออายุ 29 ปีขึ้นไป เนื่องจากคบเด็กมากแล้วปวดหัว

“เอาจริงๆ นะตอนนี้เด็กจีบเยอะมากเลย แต่อยากจะบอกว่าขออายุ 29 ขึ้นไปได้เปล่า ไม่เอาแล้วเด็กมากอย่างนี้ ปวดหัวมากเลย น้องเขาปีนี้ 24 เองค่ะ คบกันตั้งแต่ 18 ไอดังคุกๆ เลยตอนนั้น (หัวเราะ) คือตอนนี้ก็มีคนจีบเยอะมาก ขอบคุณหลายๆ คนที่เข้ามาคุย เข้ามากันเยอะมา เป็นโสดแล้ว รอกันมานาน ทอมก็มีนะ มีหลายรูปแบบแล้วตอนนี้ ผู้หญิงสวยๆ ก็มีนะ มากันเต็มคาราเบลเลย ฮอตมาก แต่เราก็ขอเป็นเพื่อน ยังไม่พร้อมค่ะ เป็นเพื่อนกันไป คุยเรื่อยๆ ถ้าใครรอเราได้ปีหนึ่งนะ คุยกับเราบ่อยๆ ถ้ารอเราได้ถือว่าโอเค”

สเปกจากนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคนรวยมาก มาสร้างฐานะด้วยกันได้ ขอแค่รักงาน รักครอบครัว และไม่เจ้าชู้ ไม่ดื่มหนักอาทิตย์ละ 7 วัน

“ตั้งใจทำงาน ไม่จำเป็นต้องรวยมาก สร้างฐานะด้วยกันก็ได้ค่ะ แต่ขอให้เป็นคนที่รักการรักงาน ทำงานทำการ รักครอบครัว รักเรา ไม่เจ้าชู้ ไม่ดื่มเยอะ คือดื่มได้ ผู้ชายเป็นเรื่องปกติเราให้ดื่ม แต่อาทิตย์หนึ่งให้ดื่มสัก 2 วันได้ไหม ไม่เอาอาทิตย์ละ 7 วันแล้วนะ รักฉันเถอะ กลับมาอยู่บ้านกับฉันบ้างเถอะ มานั่งกินในบ้านก็ได้ แต่ไม่ใช่เอาสาวมากินด้วยนะ ถ้าเอาสาวมากินถึงในบ้านก็โดนตบนะอย่างนั้น (หัวเราะ)”

บอกเลิกกันแล้วคนด่าเยอะมาก แต่ว่าเป็นปกติของแวดวงบันเทิง ท้าเกรียนคีย์บอร์ด อย่าเก่งแต่ว่าหลังไมค์ พวกสมองหมาปัญญาควาย

“อุ้ยเยอะมาก เป็นเรื่องปกติค่ะ คนในวงการบันเทิงต้องทำใจนะ บอกก่อนนะคะ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นเรื่องปกติจริงๆ ไอ้พวกที่อยู่หลังคีย์บอร์ด เกรียนคีย์บอร์ด ก็ขอบอกมันเลยนะคะ ว่ามึงอย่าเก่งหลังไมค์หลังคีย์บอร์ด ออกมามานี่เลย ท้าเลยด้วย ไม่ชอบหน้าจริงๆ ก็เลื่อนผ่านก็จบ เวลาว่างมันเยอะอีพวกนี้

พวกสมองหมาปัญญาควาย ด่าจริงๆ ด่าตรงๆ นี่แหละค่ะ มันเขียนด่าเราได้ เราก็ด่ามันได้ ทำไมดาราต้องทนวะ ดาราก็คนเหมือนกันเปล่าวะ มีความรู้สึกเหมือนกัน ให้มันด่าอยู่ฝ่ายเดียวบ้าเปล่า ไม่ต้องไปทนมันหรอก ไปกลัวมันทำไม ที่รับไม่ได้เลยคือมันด่าว่าฉันบ้าค.. ฉันมีมาตั้ง 6 ปี ฉันไม่บ้าเว้ย ฉันมีติดตัวด้วยแก ไอ้ที่ไม่ชอบก็ท้าไฝว้กันเปล่าล่ะ 10 Fight 10”

เตรียมตัวฟ้องแล้ว 10 กว่าคน รับคำขอโทษเป็นเงินสดเพียงแค่นั้น เชื่อไม่มีปัญญาจ่าย จะต้องเข้าคุกจะได้สำนึก

“ฟ้องค่ะ คัดแล้ว ไอ้พวกปากหมาๆ มีหูไว้คั่นสมอง ว่างมากเอาชีวิตมึงไปดูแลครอบครัวมึงก่อน ให้พ่อแม่มึงสบายก่อน เอาชีวิตมึงให้ดีก่อน ไม่ใช่ว่างมากมานั่งด่าชาวบ้าน ด่าดารานะ ลิสต์ไว้เยอะค่ะ แล้วก็เอาเงินมาจ่ายกูนะ กูบอกเลย รับเป็นเงินเท่านั้น ต่อให้มากราบเท้าแล้วบอกว่าแม่หนูป่วยเป็นมะเร็ง พ่อหนูจะตายพรุ่งนี้แล้ว ตัวหนูเป็นไบโพลาร์ เออมึงไปตายในคุกโน่นบอกเลย มันไม่มีปัญญาจ่ายหรอกพวกนี้ เข้าคุกไปเถอะ จะได้สำนึก

สมองมันจะได้คิดได้ จะไปเยี่ยมมันด้วย คือคนที่เข้ารอบก็ด่าไม่ดีหรอก เยอะ ก็ไม่ได้ใส่ใจค่ะ แต่นี่แก่ไม่ได้กะโหลกกะลานะคะ แก่คุณภาพนะคะ 55 แล้วไง เห็นด่ากันจังเลย เราไม่สนใจหรอกนะ เราอ่านแล้วก็นั่งขำแล้วก็ลิสต์ทีละคนๆ ตอนนี้ก็ประมาณ 10 กว่าคน เล่นใครไม่เล่น เล่นกับชุติมา, บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี แต่ละคนแรงพอๆ กัน แล้วซี้กันด้วยนะ ฟ้องกันแหลกเลย ช่วยคิดนิดหนึ่งนะ มีเรื่องกับบุ๋ม กับเอ้น่ะ”

ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน “CineAsia 2022” ระหว่างวันที่ 5-8 เดือนธันวาคม 2565 ณโรงหนังไอคอน ซีเนคอนิค และ ทรู ไอคอน ฮอลล์

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน “CineAsia 2022” ระหว่างวันที่ 5-8 เดือนธันวาคม 2565 ณ โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค รวมทั้ง ทรู ไอคอน ฮอลล์

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผู้แทนเมืองไทยร่วมเป็นเจ้าภาพส่งเสริมการจัดงาน “CineAsia 2022” ครั้งที่ 26 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 เดือนธันวาคม 2565 ณ โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค รวมทั้ง ทรูไอคอน ฮอลล์ ซึ่งงานแสดงนิทรรศการนี้ได้ถูกงดจัดงานไปเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2019 ที่ประเทศฮ่องกง เนื่องแต่เหตุการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งในปี 2022 นี้

ถือได้ว่าเป็นการกลับมาอีกที เป็นครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดสิ้นสุด ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมาได้มีการจัดงานที่เมืองไทยไปแล้วเมื่อปี 2002 คราวนี้จึงถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 20 ปี กับงานแสดงนิทรรศการใหญ่ระดับนานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซี่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับเอเชียรวมทั้งฮอลลีวู้ด

โดยนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆของโลกภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นน้ำจนกระทั่งปลายน้ำให้ได้ชมรวมทั้งเลือกซื้อ พร้อมเป็นช่องทางที่ดีของผู้ประกอบการหนังไทย ทั้งผู้สร้าง ผู้กำกับ รวมทั้งดาราหนัง เพื่อส่งเสริมผลงานสู่ตลาดสากล ส่งเสริมให้เกิด Soft Power ส่งออกวัฒนธรรมบันเทิงรวมทั้งวิถีความเป็นไทยผ่านเรื่องราวของภาพยนตร์สู่ตลาดโลก

วิชา พูลวรลักษณ์

วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)

เปิดเผยว่าเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญจาก ฟิล์ม เอ็กซ์โป กรุ๊ป ให้ร่วมเป็นเจ้าภาพสนับสนุนการจัดงานนิทรรศการแสดงสินค้าและการประชุมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับนานาชาติในครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของประเทศไทยในรอบ 20 ปี ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน CineAsia 2022 ซึ่งเป็นงานใหญ่ประจำปีที่มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทุกภาคธุรกิจมาร่วมงาน โดยในทุกๆ ปีจะจัดขึ้นที่ฮ่องกง จึงนับเป็นโอกาสดีของประเทศไทยจะได้เป็นเวทีในการนำเสนอผลงานภาพยนตร์ไทย ตลอดจน ผลงานของผู้กำกับ นักแสดง สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศ เพื่อผลักดันภาพยนตร์ไทยให้เกิด Soft Power ส่งออกวัฒนธรรมบันเทิงและวิถีความเป็นไทยผ่านเรื่องราวของภาพยนตร์สู่ตลาดโลก โดยจะผลักดันให้ประเทศไทยมุ่งสู่การเป็น King of Content Hub เพื่อเทียบชั้นกับประเทศเกาหลีใต้ที่ขึ้นเป็น Role Model ของอุตสาหกรรมบันเทิงโลกได้ ซึ่งในที่สุดจะนำรายได้กลับสู่ประเทศไทย และทำให้ GDP ของประเทศไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน

งาน CineAsia 2022 เป็นงานที่รวมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับนานาชาติ ตั้งแต่ผู้สร้างภาพยนตร์, ดาราหนัง, ผู้กำกับ, ผู้ผลิตรวมทั้งจัดจำหน่ายภาพยนตร์, ค่ายภาพยนตร์ต่างๆ, ตัวแทนธุรกิจโรงภาพยนตร์ทั่วเอเชีย, ผู้ประกอบการเครื่องฉายภาพยนตร์ ที่นำเสนอเทคโนโลยีรวมทั้งนวัตกรรมความรื่นเริงใจของโลกภาพยนตร์ในอนาคตมานำเสนอให้ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ทั่วเอเชียรวมทั้งทั่วโลกได้ดูรวมทั้งเลือกซื้อ อาทิเช่น เครื่องเสียง จอภาพยนตร์ ลำโพง เก้าอี้ในโรงภาพยนตร์ กล้องถ่ายภาพ เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องจำหน่ายตั๋ว เครื่องทำป๊อปคอร์น เป็นต้น ผู้เข้าชมงานจะได้รับโอกาสเยี่ยมชมการแสดงสินค้า สามารถศึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเทคโนโลยีล่าสุด

ตลอดจน มีผู้กำกับ ดาราหนังระดับเอเชียรวมทั้งฮอลลีวูด มาร่วมงานด้วย โดยในงานมีการจัดฉายไลน์อัพภาพยนตร์ล่วงหน้าของปี 2023 เพื่อผู้สร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ รวมทั้งให้ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์สามารถทำแผนการตลาดโปรโมทภาพยนตร์ล่วงหน้าได้ จึงเป็นงานที่รวมตัวของคนภายในวงการภาพยนตร์กว่า 2,000 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่มีการปรับปรุงเติบโตโดยตลอดรวมทั้งยั่งยืน หากแม้ในตอน 3 ปีที่ล่วงเลยไปจะเจอกับปัญหาเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ก็ไม่ทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์หยุดที่จะพัฒนาตัวเองในระยะยาว

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หากแม้อุตสาหกรรมภาพยนตร์จำเป็นที่จะต้องหยุดคอยให้เหตุการณ์คลี่คลาย

ซึ่งก็ดังธุรกิจอื่นๆแต่ว่าในตอน 3 ปีกลับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ทำให้คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์เร่งหานวัตกรรมใหม่ๆมานำเสนอรวมทั้งตอบสนองความต้องการของลูกค้าคนรักการดูหนังในโรงภาพยนตร์ ที่กำลังจะได้สัมผัสประสบการณ์การดูหนังที่พิเศษไม่เหมือนกับการดูที่บ้านอย่างแน่นอน อย่างที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เชื่อถือตลอดมาว่า Cinema Never Die ทุกคนจะได้เจอความจริงในงาน CineAsia 2022 ที่ โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค รวมทั้ง ทรู ไอคอน ฮอลล์ ในปีนี้ รวมทั้งทางผู้จัด ฟิล์ม เอ็กซ์โป กลุ่ม ได้แสดงความมั่นใจอย่างยิ่งในการร่วมจัดงานกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จึงได้ประกาศว่า CineAsia 2023 จะกลับมาจัดที่โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค รวมทั้ง ทรูไอคอน ฮอลล์อีกทีในปีต่อไป

 

ประวัติ นายวิชา พูลวรลักษณ์

นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
อายุ58 ปี
จำนวนหุ้นที่ถือ 29.62 %

ประวัติการศึกษา
ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต United States International University of San Diego ประเทศสหรัฐอเมริกา
ปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประสบการณ์การทำงานในระยะ 5 ปีย้อนหลัง
2538 – ปัจจุบัน : กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)
2551 – ปัจจุบัน : กรรมการและรองประธานกรรมการ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
2546 – 2564 : กรรมการ บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

กิจการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน
2555 – ปัจจุบัน : ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์
กรรมการฝ่ายกิจกรรมสมาชิก สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การเข้าฝึกอบรมของกรรมการ
หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่นที่ 9/2546

อลัง ดูคาส

‘อลัง ดูคาส’ บินลัดฟ้าสู่กรุงเทพร่วมฉลอง 3 ปี ของ Blue by Alain Ducasse จับมือเชฟวิลฟริด ฮ็อคเกต รังสรรค์มื้อพิเศษ เดือนพฤศจิกายนนี้

Blue by Alain Ducasse ร้านมิชลินสตาร์ นำโดย มร. วิลฟริด ฮ็อคเกต ( Mr. Wilfrid Hocquet) เอ็กเซกคิวทีฟเชฟ ต้อนรับการเดินทางมายังกรุงเทพฯ อีกรอบของเมนเทอร์เชฟ อลัง ดูคาส (Mentor Chef Alain Ducasse) ในจังหวะเฉลิมฉลองสุดเอ็กคลูซีฟ The 3rd anniversary celebration party ของ Blue by Alain Ducasse

ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 23 พฤศจิกายน ณ ชั้น M แล้วก็ชั้น1 ไอคอนลักซ์ ไอคอนสยาม โดยภายในงานได้รับเกียรติจากเชฟ อลัง ดูคาส ร่วมฉลองพร้อมทั้งคณะแล้วก็แขกผู้มีเกียรติคนสำคัญร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง

Blue by Alain Ducasse

พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นการฉลอง 3 ปี Blue by Alain Ducasse ได้นำเสนอคอร์สสุดพิเศษ

สำหรับผู้ที่ติดอกติดใจร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ให้ทุกท่านได้รับประสบการณ์การกินอาหารอันเลิศรส ในมื้อพิเศษ Four-Hand Lunch & Dinner จาก Mentor Chef Alain Ducasse แล้วก็ Mentee Wilfrid Hocquet ซึ่งได้ร่วมกันรังสรรค์คอร์สอาหารมื้อกลางวันแล้วก็มื้อค่ำเซ็ท 6 คอร์สในราคา 15,000++ บาท

เจอกับเมนูซิกเนเจอร์ BRITTANY BLUE LOBSTER เมนูอาหารในตำนานสูตรเฉพาะของ เชฟอลัง ดูคาส แล้วก็ALASKAN KING CRAB เสิร์ฟพร้อมทั้งคาเวียร์ หนึ่งในเมนูโด่งดังของเชฟวิลฟริด พร้อมด้วยอาหารประเทศฝรั่งเศสจานพิเศษPigeon Pithiviers ที่ทางร้านนำกลับมาเสิร์ฟอีกที พร้อมเสิร์ฟในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 เพียงวันเดียวเท่านั้น

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการบริษัท ไอคอนสยาม จำกัด แล้วก็ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธ เปิดเผยว่า Blue by Alain Ducasse เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการทำตามคำมั่นสัญญาที่ผู้ร่วมลงทุนทั้งสามบริษัทได้ให้ไว้กับประเทศไทย ทั้งไอคอนสยาม สยามพิวรรธน์ และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)

ซึ่งมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมาย และปรากฏการณ์แรกในมิติต่างๆให้เกิดขึ้นแก่คนไทยและคนทั่วโลก พร้อมยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นหนึ่งในเมืองชั้นนำของโลก จนปัจจุบันเป็นจุดหมายปลายทางที่มอบสุดยอดประสบการณ์ให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือนทุกคน

นางชฎาทิพ กล่าวว่า Blue by Alain Ducasse ได้รับการรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2019 นอกจากเป็นการนำที่สุดแห่งประสบการณ์อาหารเลิศรสมายังกรุงเทพฯ แล้ว ยังบรรลุเป้าหมายในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยจากการคว้ารางวัลแห่งวงการอาหารระดับโลกอย่างต่อเนื่อง

ทำให้กรุงเทพเป็นหนึ่งในเมืองชั้นนำของโลกในฐานะจุดหมายปลายทางการรับประทานอาหารระดับไฟน์ไดนนิ่งที่ไม่เหมือนใครของ Ducasse เช่นเดียวกับใน Monte Carlo ปารีส ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ของเชฟ อลังดูคาส

“Blue by Alain Ducasse จะช่วยส่งเสริมภาคส่วนอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ เช่น โรงแรมระดับไฮเอนด์หลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่จะมีตัวเลือกด้านประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับไฟน์ไดนนิ่งเพิ่มขึ้นสำหรับแขกที่มาเข้าพัก นอกจากนั้น ภัตตาคารแห่งนี้จะช่วยขับเคลื่อนแม่น้ำเจ้าพระยาบนเวทีระดับนานาชาติ ในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ที่ดึงดูดผู้มาเยือนที่เป็นกลุ่มผู้นำทางความคิดเป็นจำนวนมากขึ้นให้มาชื่นชมความงดงามของแม่น้ำสายสำคัญนี้ ” นางชฎาทิพ กล่าวในที่สุด

เชฟอลัง ดูคาส เชฟชื่อดังระดับตำนาน เจ้าของรางวัลการันตีผลงานมากที่สุดคนหนึ่งของโลก และเป็นเมนเทอร์ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่เชฟระดับมิชลินสตาร์ทั่วโลกมาแล้วมากมาย กล่าวว่า “Blue by Alain Ducasse เป็นเอกลักษณ์ของมหานครแห่งนี้ ด้วยเมนูอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่จะให้แขกทุกท่าน ได้เพลิดเพลินในบรรยากาศที่งดงามพร้อมทัศนียภาพที่น่าประทับใจของแม่น้ำเจ้าพระยาในแบบประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน”

เชฟดูคาส ได้เชื่อใจให้หัวหน้าเชฟ วิลฟริด ฮอคเกต หนึ่งในสมาชิก หรือ Mentee คนสำคัญของเขามากำหนดวิสัยทัศน์สำหรับ Blue แล้วก็ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา ด้วยความเชื่อมั่นและมั่นใจใน เชฟวิลฟริด ฮอคเกต ผู้มากด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี กับการดูแลร้านอาหาร สามดาวมิชลิน Le Louis XV ในโรงแรมเดอปารีส มอนติคาร์โล ร้านอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดร้านหนึ่งของโลก ซึ่งจากความสำเร็จตลอดระยะเวลา 3 ที่ผ่านมา ของ Blue by Alain Ducasse เชฟวิลฟริด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาทำหน้าที่หางเสือที่ได้รับมอบหมายได้อย่างเต็มภาคภูมิ

แขกผู้มีเกียรติคนสำคัญร่วมแสดงความยินดี

อลัง ดูคาส บินลัดฟ้าสู่กรุงเทพร่วมฉลอง 3 ปี ของ Blue By Alain Ducasse เด่นด้วยบริการที่อบอุ่นกันเองพร้อมด้วยไวน์ลิสชั้นนำ ซึ่งได้รับรางวัลมากมายจากหลายสถาบัน

โดยในปีแรกของการดำเนินงาน Blue ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์คราวแรก ในฉบับที่สี่ของ Michelin Guide Bangkok, Chiang Mai, Phuket & Phang-Nga 2021 แล้วก็อยู่จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ นอกเหนือจากนี้ การตกแต่งภายในของ Blue ที่เด่นทำให้ Blue ได้รับรางวัลสูงสุดในประเภท Fine Dining ในรายการ ‘Best of Year Award’ ด้านการตกแต่งภายในดีที่สุดสาขาไฟน์ไดนิ่ง จากนิตยสาร Interior Design ซึ่งเป็นนิตยสารระดับแนวหน้าของวงการสถาปัตยกรรมแล้วก็การออกแบบของงานออกแบบ
นิตยสารด้านการออกแบบชั้นนำของอุตสาหกรรม รวมถึง ‘Le French Design 100’ รางวัลอันทรงเกียรติจาก Emmanuel Macron ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

รางวัลนี้เป็นรางวัลด้านการออกแบบเพียงรางวัลเดียวในประเทศฝรั่งเศสที่ให้เกียรติผลงานระดับนานาชาติ
ของนักออกแบบในโครงการออกแบบของพวกเขาทั่วทั้งโลก ล่าสุดสำหรับปีนี้ Blue สามารถเข้าไปอยู่ในลิสต์ร้านอาหาร อันดับที่ 25 ใน 50 ร้านอาหารดีที่สุดแห่งเอเชีย 2022 ซึ่งสนับสนุนโดย San Pellegrino แล้วก็ Aqua Panna
การจองโต๊ะแล้วก็สำรองที่นั่ง

สอบถามแล้วก็สำรองที่นั่งได้ที่ Blue by Alain Ducasse โทร.065-731-2346 หรือทางอีเมลล์ enquiries@blue-alainducasse.com

โบว์ เมลดา

“โบว์-เมลดา” การันตีเปล่าท้องหลังจากมีภาพพุงป่อง เปิดเผยแฟนชายหนุ่ม “อาเล็ก” หวง! ห้ามโชว์เซ็กซี่

จัดการเองเลยชัดๆหลังจากมีชาวโซเชียลโพสต์รูปนางเอกสาว โบว์ เมลดา สุศรี ในเดรสรัดรูปพร้อมแคปชัน ถาม “Are you pregnant? คุณท้องเหรอ?” ซึ่งเจ้าตัวจำต้องเข้าไปตอบขำๆด้วยว่า “Yes it’s poop” เจอ โบว์ ในงาน “เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ วินเทอร์ วันเดอร์แลนด์ 2022-เดอะ แฮปปี้เนส อินเวชั่น” ก็อธิบายประเด็นนี้ว่า

“เราไม่ได้ท้อง เราแค่ไม่ได้อึ (หัวเราะ) วันนั้นระบบขับถ่ายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่วันนี้ก็ไม่มี (หัวเราะ) คือทุกคนมีปัญหาแหละ ว่าวันไหนตื่นผิดเวลาอาจจะอึไม่ตรงเวลา ถามว่าเสียเซลฟ์มั้ย ก็ไม่เลย ปกติเรารู้ตัวอยู่แล้ว ว่าเราหน้าท้อง แบนเรียบมาก แต่วันนั้นแค่แบบไม่อึจริงๆ แต่ก็โดนทักแบบนี้หลายครั้งแล้ว เราเลยรู้ว่า เออ บางทีก็แจ็กพอตได้ชุดแบบผ้าทวิต โอ้โห อยากได้ยาถ่ายเลย ซึ่งเหตุผลแต่ละครั้งก็จะมีไม่ได้อึบ้าง เพิ่งกินข้าวเสร็จบ้าง”

โกรธรึเปล่าถึงไปคอมเมนต์ตอบ?
“ไม่ได้โกรธ เราเมนต์ตอบว่า Yes it’s poop แบบนี้เลย ยืนยันว่าไม่ได้ท้อง ยังไม่มีสามีจะมาท้องอะไรเล่า (หัวเราะ) แค่ไม่ได้อึ ไม่เสียเซลฟ์ เพราะรู้ว่าตื่นมาอะสวย ถ้าไม่ได้อึ แล้วได้ชุดแบบนั้นอีก ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็เนี่ยมาบอกทุกคนว่าวันไหนเห็นว่ามีพุง ป่องๆ แปลว่ามันไม่ได้อึ ต้องเข้าใจนะ”

โบว์ เมลดา สุศรี

บางบุคคลมองว่าเค้าบูลลี่หรือเปล่า?

“อีโรคบูลลี่เนี่ยก็เป็นทุกคนแหละ คำว่าบูลลี่กับคำว่าเป็นห่วงมันมีเส้นบางๆ อะไร ที่ดีก็แนะนำ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ต้องพูด”

อาเล็ก–ธีรเดชพากินเยอะ?
“ไม่ พี่เล็กก็ไม่กินแล้ว แต่อย่าให้พูดย้ำเลย เขิน หนูไม่ได้เป็นคนกินเยอะ แต่ กินจุกจิก ถ้ามันป่องคือ แค่เราอุจจาระไม่ออก พี่เล็กก็ไม่ได้พาไปกินเยอะ เพราะเราก็ช่วยกันควบคุมหุ่นแล้ว เราอยากถ่ายรูปแซ่บๆกัน”

รูปแซ่บๆอาเล็กบอกห่วงแต่ว่าไม่ห้าม?
“ไม่นะ เค้าห้ามนะ แหมต่อหน้า สื่อเธอบอกว่าเธอไม่ ห้ามฉันเหรอ แต่เค้าก็ให้แต่งตัวดูกาลเทศะ”

ชุดว่ายน้ำก็อนุมัติมั้ย?
“อนุมัติ แต่ก็ไม่ได้ไฮคัตเห็นทั้งตัว”

ตอนนี้ยังมีแพลนเที่ยวมั้ย?
“ช่วงนี้น่าจะยากค่ะ เพราะคิวค่อนข้างฮอตมาก ทั้งละครทั้งงานอีเวนต์ เราสองคนแบบแน่น แต่ก็รับได้อีก I love my job ส่วนคริสต์มาสก็อาจจะมาบ้านโบว์ สั่งอาหารมากินกัน แล้วก็มีต้นคริสต์มาสสักหน่อย”

ได้ยินว่าไปกว้านซื้อที่ไว้เป็นทรัพย์สินขึ้นแท่นเศรษฐีนี?
“ใช่ ก็คือช่วงที่เรามีเราก็เก็บเป็นสินทรัพย์ ไปซื้อที่กาญจนบุรี เรียกโบว์ว่าไฮโซกาญฯ (หัวเราะ) จุดเริ่มต้นคุณแม่บอกว่า ถ้าไม่ลงที่ดินก็อสังหาริมทรัพย์หรือว่าทอง เพราะเราไม่ได้ทำธุรกิจอะไร ก็นี่แหละอาจจะเป็นทรัพย์สินของเราได้”

เวลานี้มีเยอะมั้ย?
“ก็ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวหาว่าอวด ไม่ได้เยอะมาก แค่พอสร้างบ้านได้ ต่อไปเปลี่ยนจังหวัดบ้าง อยากมีหลายๆจังหวัด เผื่อใครที่ร้อน ณ ตอนนั้น ก็เดี๋ยวจะช่วยซื้อให้ ซึ่งที่ที่เราไปซื้อก็ไม่ถึงกับใจกลางเมือง เป็นที่ธรรมชาติซะส่วนใหญ่ เพราะคนสมัยนี้ต้องการอะไรที่เป็นธรรมชาติ”

เกณฑ์การตัดสินใจซื้อคืออะไร?
“คือดูดวงค่ะ ทำเลดี และต้องมีตังค์ หน้าติดน้ำ หลังติดภูเขา”

ซื้อไว้เป็นเรือนหอในอนาคตรึเปล่า?
“ไม่เลย ที่ดินตรงนี้กะว่าจะทำบ้านไว้ให้มาพักผ่อน ใครสนใจมาพัก อยากมาเช่าอะไรได้หมดเลย”

ส่วนที่ของเราทั้งคู่?
“ก็ไปถามเค้าได้มั้ยอะ (เอามือทัดหู)”.

 

ประวัติ โบว์ เมลดา สุศรี

โบว์ เมลดา สุศรี เดิมชื่อ หทัยภัทร สุศรี เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2539 นักร้องและนักแสดงหญิงชาวไทย เริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงในปีพ.ศ. 2553 จากการเป็นนักร้องเกิร์ลกรุปวง Kiss Me Five จากค่าย Kamikaze ต่อมาได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการประกวด ไทยซูเปอร์โมเดลคอนเทสต์ 2013 และปีพ.ศ. 2557 เข้าเป็นนักแสดงและมีผลงานในฐานะนางเอกช่อง 7 เรื่อง ใยกัลยา ในบทบาท หอมน้ำ ประกบคู่พระเอก ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี หลังจากหมดสัญญากับทางช่อง 7 ในปีพ.ศ. 2563 ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 ก่อนหน้านี้โบว์คบกาดูใจกับ มิกค์ ทองระย้า ในขณะนั้นเรียกว่าเป็นคู่รักที่น่ารักและน่าอิจฉามาก ๆ เพราะดูลงตัวสุด ๆ แต่ล่าสุดทั้งคู่ต้องปิดฉากรักแบบสายฟ้าแล่บ ด้วยเหตุผลทัศนคติที่ไม่ตรงกัน

การศึกษา
โบว์ เมลดา จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง สายศิลป์ ภาษาญี่ปุ่น ต่อมาได้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์

ผลงานการแสดง
ผลงานการแสดงละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศทางช่อง 7
ปีพ.ศ. 2557
• ใยกัลยา รับบท หอมน้ำ
ปีพ.ศ. 2558
• คาดเชือก รับบท ละเมียน
ปีพ.ศ. 2559
• โนห์รา รับบท โนห์รา
ปีพ.ศ. 2560
• หงส์เหนือมังกร รับบท ใกล้รุ่ง ธรรมกุล (หลิว)
ปีพ.ศ. 2561
• คุณชายไก่โต้ง รับบท จิรภา อริศัตรูพินาศ (เจี๊ยบ)
• สกาวเดือน รับบท สกาวเดือน ราชไมตรี (กระต่าย)
ปีพ.ศ. 2562
•พชรมนตรา รับบท เพชร / น้ำเพชร / อัญชลี
•มนตร์กาลบันดาลรัก รับบท น้ำหนึ่ง รัศมีสุริยา (เดียว)
•อินทรีแดง รับบท วาสนา เทียนประดับ (วาด) / กุหลาบดำ
•ผลงานการแสดงละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศทางช่อง 3
ปีพ.ศ. 2563
• มนต์รักหนองผักกะแยง รับบท กะแยง